กลุ่มนักวิเคราะห์ได้กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า มาตรการการคว่ำบาตรน้ำมันดิบของรัสเซียจนถึงตอนนี้นั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และการกำหนดเพดานราคาน้ำมันครั้งใหม่ก็อาจพิสูจน์ได้ว่าไม่มีผลเช่นกัน
สหภาพยุโรป (EU) อยู่ในระหว่างวางแผนห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่นจากรัสเซีย รวมไปถึงน้ำมันดีเซล และน้ำมันเครื่องบิน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์นี้ (5 ก.พ.) โดยก่อนหน้านี้ EU ได้ห้ามการซื้อและการนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียทางทะเล ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565
นอกจากนี้แล้ว EU ยังได้ร่วมมือกับกลุ่มประเทศ G7 และออสเตรเลีย ในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันสำหรับน้ำมันดิบของรัสเซียที่ขนส่งทางทะเล โดยห้ามการใช้การประกันการเดินเรือ การเงิน และบริการอื่น ๆ จากกลุ่มชาติตะวันตก ยกเว้นกรณีที่ขายในราคาต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับโลกเพื่อจำกัดความสามารถของรัสเซียในการหาเงินไปใช้ในสงครามยูเครน
นายพอล แซนคีย์ ประธานและหัวหน้านักวิเคราะห์จากแซนคีย์ รีเสิร์ช (Sankey Research) บริษัทวิเคราะห์พลังงานของสหรัฐ เปิดเผยกับรายการ Street Signs Asia ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ก.พ.) ว่า การกำหนดเพดานราคาถูกคิดขึ้นโดยกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่จบการศึกษาด้านการเงิน ซึ่งไม่มีใครเข้าใจเรื่องตลาดน้ำมัน และมัน “ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง”
นายแซนคีย์เน้นย้ำว่าตลาดน้ำมันเป็นเรื่องที่ยากเพราะอุปทานน้ำมันรัสเซียไม่ได้หยุดชะงักไปอย่างแท้จริง และรัสเซียสามารถรักษาระดับการส่งออกไว้ได้ในระดับสูง
“ผมได้ยินมาว่าผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบียเคยถามไปทั่วว่าทำไมน้ำมันรัสเซียถึงยังซื้อขายอยู่ได้” นายแซนคีย์ กล่าว “และนั่นนำไปสู่คำถามที่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับการคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพราะดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล”
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ก่อนที่จะถึงการเสนอการกำหนดเพดานราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นของรัสเซียในวันที่ 5 ก.พ. นั้น EU ยังไม่ได้ตกลงในเรื่องการจำกัดเพดานราคาสูงสุด โดยคาดว่าน่าจะบรรลุข้อตกลงในวันนี้ (3 ก.พ.)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.พ. 66)
Tags: EU, คว่ำบาตร, น้ำมัน WTI, รัสเซีย, ราคาน้ำมัน, อียู