นายชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐสั่งแบนคริปโทเคอร์เรนซีเช่นเดียวกับที่จีนดำเนินการ โดยให้เหตุผลว่าการขาดการกำกับดูแลทำให้เกิดความเสียหายมากเกินไปและทำให้เกิดสถานการณ์ที่เหมือนกับการเล่นพนัน
นายมังเกอร์วัย 99 ปี เขียนบทความแสดงความเห็นในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลฉบับวันพฤหัสบดี (2 ก.พ.) ว่า “คริปโทฯ ไม่ใช่สกุลเงิน ไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ และไม่ใช่หลักทรัพย์”
ทั้งนี้ นายมังเกอร์และนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ หุ้นส่วนทางธุรกิจของเขาได้วิพากษ์วิจารณ์คริปโทฯ มานาน โดยกล่าวว่าคริปโทฯ ไม่ใช่สินทรัพย์ที่จับต้องได้ และไม่ใช่ทรัพย์สินที่สร้างรายได้
ความเห็นล่าสุดของนายมังเกอร์มีขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมคริปโทฯ กำลังเผชิญปัญหามากมายจากโครงการที่ล้มเหลวไปจนถึงการขาดสภาพคล่อง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากการล้มละลายของบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
นายมังเกอร์ระบุว่า มี “แบบอย่างที่น่าสนใจ” 2 ประการที่อาจเป็นแนวทางให้สหรัฐออกมาตรการบางอย่าง โดยประการแรกคือ การที่จีนห้ามการซื้อขาย จับคู่คำสั่ง ออกโทเคน และอนุพันธ์ของสกุลเงินเสมือนอย่างเข้มงวด และประการที่สองคือ ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1700 รัฐสภาอังกฤษได้สั่งห้ามการซื้อขายหุ้นสามัญใหม่ต่อสาธารณะทั้งหมดและคงมาตรการดังกล่าวต่อเนื่องประมาณ 100 ปี
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มูลค่าของตลาดคริปโทฯ ร่วงลงมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2565 ส่วนราคาบิตคอยน์ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโทฯ ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ร่วงหนักถึง 65% ในปี 2565
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.พ. 66)
Tags: Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, ชาร์ลี มังเกอร์, วอร์เรน บัฟเฟตต์, สหรัฐ