นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สถานการณ์เริ่มรุนแรงตั้งแต่เมื่อวานนี้ (1 ก.พ.) ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่ปิด ประกอบกับลมต่ำมาก ทำให้ฝุ่นที่หมุนเวียนในกรุงเทพฯ ไม่ได้ระบายออก อีกส่วนเกิดจากต้นกำเนิดฝุ่น ทั้งจากรถยนต์และการเผาชีวมวลด้านนอก โดยพบว่าเกิด Hot Spot เพิ่มขึ้นหลายจุด ซึ่งช่วงเช้ากรมควบคุมมลพิษแจ้งว่าพบมากถึง 1,200 จุด ในพื้นที่ประเทศไทย รวมถึงยังพบในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ซึ่งจะมาถึงเราโดยตรง ทำให้หลายจังหวัดมีค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
“คาดว่าวันเสาร์-อาทิตย์ สถานการณ์ฝุ่นจะดีขึ้น เนื่องจากลมเปลี่ยนทิศ ซึ่งเรื่องของการพยากรณ์ให้แม่นยำไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กทม. ก็กำลังพยายามเรื่องของข้อมูล และตัวแปรต่าง ๆ ให้เต็มที่” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
พร้อมระบุว่า ขณะนี้พบว่าระบบการเตือนภัยสภาพอากาศมีความแม่นยำขึ้น โดยช่วงต้นสัปดาห์ ได้ประเมินแล้วว่าอีก 3 วันจะมีฝุ่นรุนแรง จึงได้ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้ามาโดยตลอด เป็นระบบเตือนภัยที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในโรงเรียน และการแจ้งเตือนผ่าน Line Alert ซึ่งปัจจุบันมีผู้ Add แล้วกว่า 100,000 คน อย่างไรก็ดี การปฏิบัติในเบื้องต้นคือการดูแลตนเองอยู่เสมอ โดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกพื้นที่กลางแจ้ง
นอกจากนี้ ยังมีแผนฝุ่น ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่ กทม.ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง โดยหากค่าฝุ่นละอองสูงเกิน 75 มค.ก./ลบ.ม. ต่อเนื่อง 3 วัน (รวมวันพยากรณ์) จะต้องมีมาตรการดำเนินการ ซึ่งในส่วน กทม. ก็มีคำสั่งให้ Work from Home ในส่วนของเอกชน ก็ให้สำนักงานเขตขอความร่วมมือ โดยจะมีการสรุปเป็นรายงานแจ้งอีกครั้ง ขณะที่ในส่วนราชการอื่นๆ ก็ได้ประสานอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือในการ Work from Home เช่นกัน ซึ่งหากลดลงเพียง 10% จะทำให้การจราจรติดขัดน้อยลง และฝุ่นน้อยลงด้วย
นายชัชชาติ กล่าวว่า การตัดสินใจไม่สั่งปิดโรงเรียนนั้น เนื่องจากเห็นว่าการปิดโรงเรียน จะเป็นการสร้างภาระให้กับผู้ปกครอง เพราะจะไม่มีใครดูแลบุตรหลานที่บ้านให้ แต่หากอยู่ที่โรงเรียน ยังมีครูช่วยดูแลได้ โดยให้อยู่แต่ในห้องที่ปิด สวมใส่หน้ากากอนามัย และมีอาหารรับประทาน
“ถึงแม้จะไม่มีการปิดโรงเรียน แต่ได้เน้นย้ำห้ามจัดกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง และกำกับดูแลให้นักเรียนสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่หากคุณพ่อ คุณแม่เป็นห่วงระหว่างการเดินทาง ก็อนุญาตให้หยุดใน 2 วันนี้ได้” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
พร้อมระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนในช่วงเช้า เช่น โรงเรียนสุเหร่าสามอิน เขตวัฒนา ก็พบว่ามีการใส่หน้ากากอนามัยเรียบร้อยดี อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต มีอำนาจประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข ฯ ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมการเผาในที่โล่งได้ นอกจากนี้ ต้องขอความร่วมมือให้ลดการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง และการจุดธูปเทียน ซึ่งพบว่าขณะนี้ดีขึ้นมาก รวมถึงเรื่องของการควบคุมกิจการก่อสร้างที่ กทม.เป็นเจ้าของโครงการ ที่จะเข้มงวดให้มากขึ้น
“แผนฝุ่นเป็นแผนระดับชาติ สาเหตุหลัก คือรถยนต์ และการเผาชีวมวล กทม.ก็สามารถควบคุมได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น เช่น การปรับเรื่องเครื่องยนต์เป็นยูโร 5 ยูโร 6 การเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การพัฒนาประสิทธิภาพขนส่งสาธารณะ การย้ายท่าเรือคลองเตย เป็นต้น ซึ่งหน่วยงานภาครัฐต้องร่วมมือกันทำตามแผนฝุ่นระดับชาตินี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองดีขึ้นในระยะยาว” ผู้ว่าฯ กทม.ระบุ
สำหรับการใช้หน้ากาก N95 อาจจะมีราคาแพงและหายใจยาก ประชาชนสามารถใส่หน้ากากประเภท Surgical Mask ซึ่งสามารถกันฝุ่นได้ประมาณ 60% โดยหากใส่ 2 ชั้น อาจกันฝุ่นได้ถึง 80% และราคาไม่แพง ในส่วนของการออกกำลังกาย ก็ควรออกกำลังกายในร่ม และติดตามพยากรณ์อย่างใกล้ชิด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.พ. 66)
Tags: PM2.5, กทม., กรุงเทพมหานคร, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, ฝุ่น PM 2.5, มลพิษทางอากาศ