นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายปี 66 สินเชื่อจะเติบโต 3.5% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.5% ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income) จะยังทรงตัว อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ราว 2.5-2.6% พร้อมผนึกกำลังธุรกิจต่างๆ ในอาเซียนภายใต้กลยุทธ์ One Krungsri เพื่อสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าในประเทศไทยและอาเซียน
ด้วยเป้าหมายดังกล่าวทำให้เกิดบริการทางการเงินที่สำคัญ เช่น บริการโอนเงิน การลงทุนในต่างประเทศ บริการที่ปรึกษา และบริการอื่น ๆ อย่างบัตรเครดิตที่จะเข้าถึงผู้ใช้มากขึ้น ด้วยการนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ธนาคารยังมุ่งขับเคลื่อนเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายในการสร้างรายได้สุทธิจากการดำเนินธุรกิจในอาเซียนให้เป็น 10% ในปี 66 จากปีก่อนที่ 6%
“ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายจากการที่ประเทศเศรษฐกิจหลักกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผลจากการเปิดประเทศของจีนที่ยังคงไม่ชัดเจนนัก แต่อุปสงค์ในภาคบริการน่าจะเติบโตเร็วขึ้นกว่าอุปสงค์ต่อสินค้า แม้การเติบโตของเศรษฐกิจในอาเซียนจะชะลอลงมาอยู่ที่ 4.9% ในปี 66 จาก 5.3% ในปี 65 แต่อาเซียนยังคงเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุด” นายเซอิจิโระ กล่าว
ด้านการลงทุนด้านดิจิทัลและนวัตกรรม ธนาคารได้เพิ่มการสนับสนุนความเชื่อมโยงอาเซียนในวงกว้างผ่านการส่งเสริมการชำระและการโอนเงินข้ามประเทศ โดยในประเทศไทยได้มีการเปิดโครงการนำร่องสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาลกลาง (CBDC) ภาคประชาชนและภาคธุรกิจที่จะเปลี่ยนอนาคตของการชำระเงินดิจิทัล ด้วยความเชี่ยวชาญและความพร้อม ทำให้กรุงศรีเป็นหนึ่งในสองธนาคารพาณิชย์ของไทยที่ได้รับเลือกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเข้าร่วมโครงการนำร่องสกุลเงินดิจิทัลภาคประชาชนที่ออกโดยรัฐบาลกลาง ทั้งนี้ ประสบการณ์ของลูกค้ายังถือเป็นสิ่งสำคัญสุดสำหรับการพัฒนานวัตกรรม
กรุงศรีมีเป้าหมายที่จะเชื่อมโยงแอปบนมือถือที่มีไม่ว่าจะเป็น KMA-Krungsri Mobile App, UCHOOSE และ GO เพื่อช่วยให้ผู้ใช้มีชีวิตที่ง่ายยิ่งขึ้น นับเป็นส่วนหนึ่งของโร้ดแมปแผนงานพัฒนาระยะยาวเพื่อสนับสนุนอนาคตของการธนาคารและการปรับพัฒนาด้านความปลอดภัยของแอปและดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัย
สำหรับมุมมองด้าน Virtual Bank ปัจจุบันกรุงศรี อยู่ระหว่างการศึกษาว่าการขยายไปสู่ธุรกิจ Virtual Bank จะมีผลบวกต่อธนาคารอย่างไร และดูความเหมาะสมที่สอดคล้องกับการดำเนินยุทธศาสตร์ของธนาคารและกลุ่ม MUFG ด้วย ซึ่งทำให้ธนาคารยังคงมีการศึกษาอย่างรอบคอบ และไม่ปิดโอกาสดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามกรุงศรียังมีบริการ Digital Banking ที่รองรับลูกค้าที่ใช้บริการผ่านดิจิทัลอยู่แล้ว ทำให้ทางธนาคารยังไม่ตัดสินใจอย่างแน่นอนในการลงทุน Virtual Bank
ส่วนการตั้งสำรองฯของธนาคารในปี 66 แม้ว่าจะมองว่าแนวโน้มของ NPL ในปีนี้มีโอกาสจะสูงขึ้น เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของแต่ละอุตสาหกรรมไม่เท่ากัน ประกอบกับการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ไปแล้ว ทำให้จะมีลูกค้าบางส่วนที่อาจจะเป็น NPL ได้ แต่ธนาคารใด้มีการวางแผนตั้งสำรองฯรองรับไว้แล้ว ทำให้ธนาคารยังมองว่าการตั้งสำรองฯในปีนี้ยังคงเป็นไปตามปกติของธนาคาร
ด้านการตั้งสำรองฯกรณีความเสียหายของ บล.กรุศรี จากหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ได้ตั้งสำรองฯไปครบแล้วเกือบ 900 ล้านบาทตั้งแต่ปลายปี 65 ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีต่างๆของ DSI เช่นเดียวกับธนาคารและโบรกเกอร์รายอื่นที่ได้รับผลกระทบ หากชนะคดี ธนาคารก็มีโอกาสได้รับเงินค่าเสียหายเข้ามาชดเชยในภายหลัง ถือเป็นอัพไซด์ให้กับธนาคารในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.พ. 66)
Tags: MORE, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, มอร์ รีเทิร์น, เซอิจิโระ อาคิตะ