บริษัทอินเทลซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทขาดทุนต่อหุ้น 16 เซนต์ในไตรมาส 4/2565 ขณะที่รายได้ลดลง 32% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 1.40 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 ไตรมาส เนื่องจากตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ชะลอตัวลง หลังจากที่เคยเฟื่องฟูในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก
ทั้งนี้ อินเทลขาดทุนสุทธิ 664 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2565 สวนทางกับในไตรมาส 4/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 4.62 พันล้านดอลลาร์
อินเทลคาดการณ์ว่า บริษัทจะขาดทุนอีกในไตรมาส 1/2566 โดยจะขาดทุน 15 เซนต์ต่อหุ้น และคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.05-1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยรีฟินิทีฟ (Refinitiv) คาดไว้ว่า อินเทลจะมีกำไร 24 เซนต์ต่อหุ้น และมีรายได้ 1.393 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังส่งผลให้ราคาหุ้นอินเทลร่วงลงกว่า 9% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้
นายแพท เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของอินเทลกล่าวว่า “อินเทลไม่มีการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปีงบการเงิน 2566 เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในปัจจุบัน และเราคาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ อินเทลอาจจะต้องรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 66)
Tags: INTEL, ชิปคอมพิวเตอร์, ผลประกอบการ, อินเทล