ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีการระงับซื้อขายหุ้นของบริษัทต่าง ๆ มากกว่า 80 ตัวเมื่อวันอังคาร (24 ม.ค.) โดยการสั่งระงับหุ้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน จนเป็นเหตุให้การซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน
NYSE ระบุว่า ระบบของ NYSE ตรวจพบว่า ราคาเปิดตลาดของหุ้นจำนวนมากอยู่ในระดับสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาปิดของวันก่อนมากเกินไป ซึ่งส่งผลให้ระบบระงับการซื้อขายโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้ราคาหุ้นผันผวนมากเกินไป และหลังจากนั้นประมาณ 5-10 นาที หุ้นส่วนใหญ่ก็กลับมาเปิดตลาดในราคาที่ใกล้เคียงกับระดับปิดของวันก่อน
สำหรับหุ้นของบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการถูกระงับซื้อขายชั่วคราวในครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ รวมถึงหุ้น มาสเตอร์การ์ด, แมคโดนัลด์, เวลส์ ฟาร์โก, เวอไรซอน, ริโอทินโต, เชลล์, เอทีแอนด์ที, ไนกี้, นูคอร์, ทรานส์โอเชียน, นิวมอนท์ ไมนิ่ง, ยูเนียน แปซิฟิก, โซนี่, ยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส, อัลเทรีย, วาเลโร เอเนอร์จี, ออคซิเดนทัล ปิโตรเลียม, รอยัล ดัทช์ เชลล์, เมทไลฟ์, วีซ่า, วอลมาร์ท และเอ็กซอน โมบิล
ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐซึ่งดำเนินการโดยบริษัทอินเตอร์คอนทิเนนทัล เอ็กซ์เชนจ์ ได้ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า “ระบบทั้งหมดของ NYSE ได้กลับมาทำงานได้ปกติแล้ว” แต่ทางตลาดก็ยังคงทำการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป พร้อมระบุว่า บริษัทที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ สามารถยื่นร้องเรียนได้ตามกฎระเบียบ Clearly Erroneous หรือ Rule 18
การยื่นคำร้องตามกฎระเบียบ “Clearly Erroneous” หมายถึง NYSE จะต้องชี้แจงเพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับราคาเริ่มต้น (initial price) และราคาช่วงท้าย (later price) ของหุ้นบริษัทที่ได้รับผลกระทบ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า NYSE คาดว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเปิดทำการซื้อขายได้อย่างราบรื่นในวันนี้ (25 ม.ค.) หลังจากระบบกลับมาทำงานเป็นปกติ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 66)
Tags: NYSE, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก