หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์ดาวน์ รับส่งออกไทยแย่กว่าคาด-ระวังลงทุนมากขึ้น

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์ดาวน์ ตอบรับตัวเลขส่งออกของไทยออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด และนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้นหลังผลการดำเนินงานหุ้น SCGP ออกมาแย่กว่าที่คาดต่อเนื่องจากหุ้นกลุ่มแบงก์ โดยวันนี้หุ้น SCC จะมีการรายงานผลประกอบการเป็นตัวถัดไปด้วย ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาบวกได้ หลังหยุดยาวตรุษจีน ให้กรอบแนวรับ 1,670-1,677 จุด และแนวต้าน 1,690-1,695 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์ดาวน์ ตอบรับตัวเลขส่งออกของไทยออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด โดยการส่งออกของไทยเดือน ธ.ค.65 ลดลงถึง 14.6% ขณะที่ตลาดคาดการณ์ลดลง 11% ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอาจกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้

ขณะที่เมื่อวานนี้ ผลการดำเนินงานของบมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ออกมาแย่กว่าที่คาดมาก ต่อเนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และวันนี้หุ้นบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จะมีการประกาศงบออกมาด้วย ทำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมา อยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเพิ่งกลับมาเปิดทำการหลังปิดยาวในเทศกาลตรุษจีน

ให้กรอบแนวรับ 1,670-1,677 จุด และแนวต้าน 1,690-1,695 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 ม.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,733.96 จุด เพิ่มขึ้น 104.40 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,016.95 จุด ลดลง 2.86 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,334.27 จุด ลดลง 30.14 จุด หรือ -0.27%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,175.88 จุด ลดลง 123.31 จุด หรือ -0.45%, ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นจีน ยังปิดทำการ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ม.ค.66) 1,682.94 จุด ลดลง 1.10 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 56,561.00 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 867 ลบ.เมื่อวันที่ 24 ม.ค.66
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 80.13 ดอลลาร์/บาร์เรล (24 ม.ค.66)
  • เงินบาทเปิด 32.80 ทรงตัวจากวานนี้ จับตาประชุมกนง.บ่ายนี้ ให้กรอบ 32.60-33.00
  • คณะรัฐมนตรี (ครม.)ไฟเขียวมาตรการภาษี-ลดค่าธรรมเนียมหนุนลงทุนผ่านกองทรัสต์ หวังช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้ปรับเพิ่มเงินสะสมสูงสุดของสมาชิกจากปีละ 13,200 บาท เป็นปีละ 30,000 บาทและเพิ่มเงินสมทบสูงสุดที่รัฐบาลจ่ายให้สมาชิกสูงสุดเป็น 1,800 บาท เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับสมาชิก มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา
  • ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงิน 3,946 ล้านบาท เพื่อดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยวจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 วงเงินรวม 2,016 ล้านบาท และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย 1,930 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ
  • ส.อ.ท.ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ปี 66 ที่ 1.95 ล้านคัน หวังโตจากปี 65 ที่ 3.35% หลังส่งออกมีสัญญาณดี การค้าโลกฟื้นตัว “พาณิชย์” ชี้ส่งออก ธ.ค.65 ทำได้มูลค่า 21,718.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 14.6%

หุ้นเด่นวันนี้

  • CPALL (กรุงศรี) แนะนำ ซื้อ IAA Consensus 74.5 บาท คาดจะได้ประโยชน์จากกลุ่มกรุ๊ปทัวจีน ช่วยหนุนยอดขายของ 7-11 โดยเฉพาะกลุ่มสาขาที่อยู่ตามโซนพื้นที่ท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (ก่อนโควิดมีสัดส่วนลูกค้าจีนคิดเป็น 5% ของรายได้รวม)
  • CENTEL (ดาโอ) แนะนำ ซื้อ เป้าเชิงกลยุทธ์ 53.50 บาท “หุ้นเด่นกลุ่มโรงแรม คาด Turnaround แรงในปี 66 ธุรกิจอาหารและโรงแรมฟื้นตัวแรง ประเมินรายได้รวมปี 23 ที่ 1.93 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วง Pre-Covid (2019) ที่ 2.12 หมื่นล้านบาท SSSG และ RevPAR ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ลุ้นนักวิเคราะห์ปรับประมาณการระหว่างปีหลัง รัฐทยอยปรับประมาณการนักท่องเที่ยว, หนุนทัวร์จีน และการบริโภคในประเทศดีกว่าที่ตลาดเคยประเมิน ขณะที่โรงแรมของกลุ่ม CENTEL ที่ Renovate เสร็จแล้วในในช่วงต้นปีก่อนจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพในปีนี้ DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 67 ล้านบาท และ 1 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนในปี 64 และ +1459%YoY ในปี 66 ตามลำดับ
  • BJC (พาย) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 45.00 บาท เพิ่มมูลค่าพื้นฐานจาก 40 บาท เป็น 45 บาท หลังจากปรับปีฐานของมูลค่าพื้นฐานไปเป็นปี 66 คาดกำไรปกติตรมาส 4/22 ที่ 1.5 พันล้านบาท (+11%YoY +71%Q0Q) สูงสุดในรอบ 12 ไตรมาส การเติบโต YOY ได้แรงหนุนจากผลงานของโมเดิร์นเทรดที่แข็งแกร่ง หลังจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าฟื้นตัวดี, ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ฟื้นตัว Q0Q จากอุปสงค์บรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มที่ดีขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top