ดรากอน เทรล อินเตอร์เนชันแนล (Dragon Trail International) บริษัทด้านการตลาดในประเทศจีน ได้เผยแพร่ผลสำรวจเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ม.ค.) โดยระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนราว 40% ไม่มีแผนเดินทางไปต่างประเทศในปีนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์แล้วก็ตาม โดยเหตุผลหลักเป็นเพราะได้รับผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์โควิด
จากการสำรวจนักท่องเที่ยวชาวจีน 1,058 คน ใน 49 เมือง ระหว่างวันที่ 4-7 ม.ค. พบว่า ความกังวลด้านสุขภาพ ความยุ่งยากในการขอเอกสารการเดินทาง ตารางงานที่วุ่นวาย ความกังวลเรื่องความปลอดภัย และประเทศปลายทางที่ไม่เป็นมิตรกับชาวจีน ต่างก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจไม่เดินทางไปต่างประเทศเช่นกัน
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (17 ม.ค.) ระบุว่า ปีที่แล้วชาวจีนใช้จ่ายน้อยลงเมื่อเทียบเป็นรายคน เนื่องจากแต่ละครัวเรือนประหยัดเงินมากขึ้นและการเติบโตของรายได้ชะลอตัวลง ด้านเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัว 3% ในปี 2565 ซึ่งช้าที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจจะเติบโตเกือบ 5% แต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ค่าตั๋วเครื่องบินทั่วโลกยังเพิ่มสูงขึ้นเมื่อโลกเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาดและผู้คนกลับมาเดินทางอีกครั้ง สายการบินต่าง ๆ ประสบปัญหาในการรับมือกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าตั๋วพุ่งสูงขึ้น โดยข้อมูลของวาริไฟลต์ (VariFlight) ผู้ให้บริการข้อมูลการบินพลเรือนของจีน ระบุว่า ความสามารถในการบินระหว่างประเทศของจีนมีเพียง 13% ของระดับก่อนเกิดโควิด ขณะที่กิจกรรมการเดินทางภายในประเทศกลับสู่ระดับ 100% แล้ว
ผลสำรวจระบุว่า ผู้ตอบแบบสำรวจที่ตั้งใจจะเดินทางไปต่างประเทศนั้น ส่วนใหญ่มีแผนเดินทางหลังเทศกาลตรุษจีนและในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการเดินทางไปต่างประเทศหลังจากที่ถูกจำกัดด้วยนโยบายโควิดเป็นศูนย์มานานถึงสามปี ที่สำคัญคือจีนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด
ดรากอน เทรล ระบุว่า สถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อย ๆ และดีขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือนก.ค. ไปจนถึงช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ในเดือนก.ย. และวันชาติจีนในต.ค. โดยจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีนคือ ฮ่องกง มาเก๊า และไทย ในขณะที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีนโยบายไม่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวชาวจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 66)
Tags: การเดินทาง, จีน, นักท่องเที่ยวจีน