สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (19 ม.ค.) หลังมีรายงานว่าความต้องการใช้น้ำมันในประเทศจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวเนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 80.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 86.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข้อมูลจากเว็บไซต์ขององค์กร Joint Organisations Data Initiative (JODI) ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำมันในจีนพุ่งขึ้นเกือบ 1 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 15.41 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. 2565 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2565
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ตลาดพลังงานจะเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้นในปีนี้ อันเนื่องมาจากอุปสงค์พุ่งขึ้นจากการที่จีนเปิดประเทศ และอุปทานที่ลดลงจากการที่รัสเซียเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติตะวันตก
ทั้งนี้ IEA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียจะลดลง 14% สู่ระดับ 9.6 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2566
นอกจากนี้ IEA คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันจากจีนและอินเดีย
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 8.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 66)
Tags: น้ำมัน WTI, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน