ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐร่วงลงในวันพุธ (18 ม.ค.) หลังเจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่า 5% แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและกิจกรรมทางเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลงก็ตาม
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ต่างก็ออกมาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่า 5% เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย
ด้านนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียแสดงความเห็นล่าสุดว่า เขาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในปีนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยสนับสนุนให้เฟดผ่อนอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัวลงก็ตาม
“ดิฉันคิดว่าเราจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป และเราได้มีการหารือกันในการประชุมว่าเราควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเท่าใด ” นางเมสเตอร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพี
คำพูดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่เฟดต่างก็ออกมาแสดงความเห็นเป็นวงกว้าง โดยเจ้าหน้าที่เหล่านี้ส่วนใหญ่เคยกล่าวไว้ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมาว่า อัตราดอกเบี้ยสูงสุดของเฟดควรจะอยู่ในกรอบ 5.00-5.25% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
อย่างไรก็ดี นางเมสเตอร์กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดควรจะอยู่สูงกว่ากรอบ 5.00-5.25% เล็กน้อย และควรจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ม.ค. 66)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, ลอเรตตา เมสเตอร์, อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, เจมส์ บูลลาร์ด, เฟด