น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์แร่ ต่อจากแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 1 ที่สิ้นสุดในปี 2565 และมีเป้าหมายเพื่อสร้างบัญชีทรัพยากรแร่ที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบาย รวมทั้งเพื่อพัฒนากลไกการกำกับ ดูแล และอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแร่ เช่น ระบบการอนุมัติ อนุญาตกิจกรรมเหมืองแร่ ตลอดจนมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการบริหารจัดการแร่ของประเทศต่อประชาชน
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ใน (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 ได้มีการเพิ่มเติมรายละเอียด ต่อยอด ปรับปรุงเนื้อหาให้เหมาะสมยิ่งขึ้น และมีบางส่วนเป็นการเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ เช่น การดำเนินการเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน และ BCG ในการทำเหมือง การส่งเสริมการลงทุนสำหรับการสำรวจแหล่งแร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง การบูรณาการด้านการขนส่ง
สำหรับร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 มีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2566-2570 มีการกำหนดแนวทางการพัฒนาไว้ 4 ด้าน 10 เป้าประสงค์ 18 ตัวชี้วัด 29 กิจกรรมหลัก และมีหน่วยงานขับเคลื่อนประมาณ 35 หน่วยงาน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- แนวทางการพัฒนาด้านที่ 1 : การพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแร่ ประกอบด้วย 3 เป้าประสงค์, 3 ตัวชี้วัด, 10 กิจกรรมหลัก เช่น ไทยมีบัญชีทรัพยากรแร่ที่สมบูรณ์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายเกี่ยวกับการทำเหมืองให้เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุด
ตัวชี้วัด คือ ร้อยละของพื้นที่ศักยภาพแร่เป้าหมายทั่วประเทศ ได้ถูกสำรวจภายใต้กิจกรรมหลัก คือ เพิ่มอัตราการสำรวจและจำแนกแหล่งแร่
- แนวทางการพัฒนาด้านที่ 2 : การพัฒนากลไกการอนุญาต กำกับดูแล และการจัดสรรผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรแร่ ประกอบด้วย 2 เป้าประสงค์, 6 ตัวชี้วัด, 9 กิจกรรมหลัก เช่น ทบทวน ปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย กลไกการอนุญาต ระบบกำกับ ดูแล ติดตามเกี่ยวกับทรัพยากรแร่ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
ตัวชี้วัด คือ จำนวนกลไกการอนุมัติ อนุญาต และการจัดสรรผลประโยชน์ ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้กิจกรรมหลัก คือ การพัฒนาระบบการยื่นคำขออนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในรูปแบบ One Stop Service
- แนวทางการพัฒนาด้านที่ 3 : การวิจัยพัฒนานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้ประโยชน์จากแร่ ประกอบด้วย 3 เป้าประสงค์, 6 ตัวชี้วัด, 7 กิจกรรมหลัก เช่น สร้างและพัฒนานวัตกรรมที่ทันสมัยที่นำมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าแร่ และการนำของเสีย หรือวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่
ตัวชี้วัด คือ ร้อยละของของเสียในกระบวนการทำเหมือง หรือการผลิตแร่ของสถานประกอบการ ที่ถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ภายใต้กิจกรรมหลัก คือ ส่งเสริมการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมที่นำของเสียจากกระบวนการทำเหมืองกลับมาใช้ใหม่
- แนวทางการพัฒนาด้านที่ 4 : การสร้างความรู้ความเข้าใจ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ประกอบด้วย 2 เป้าประสงค์, 3 ตัวชี้วัด, 3 กิจกรรมหลัก เช่น สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแร่ในกระบวนงานต่างๆ
ตัวชี้วัด คือ ความสำเร็จของการสนับสนุนให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการแร่ ในกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการเหมือง เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชน และการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสำรวจพื้นที่ การก่อสร้าง การดำเนินกิจการ การฟื้นฟูพื้นที่หลังปิดเหมือง ภายใต้กิจกรรมหลัก คือ จัดทำแผนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินการเกี่ยวกับเหมือง
“ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทแร่ดังกล่าว และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ครม. ให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป ทั้งนี้ ให้ขยายระยะเวลาบังคับใช้แผนแม่บทแร่ ฉบับที่ 1 จากสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 65 เป็นสิ้นสุดวันที่ 16 ม.ค. 66 และให้มีการติดตามประเมินผล โดยกำหนดเกณฑ์การประเมินระดับความก้าวหน้า ระดับความสำเร็จฯ และแบ่งระยะติดตามประเมินผลเป็น 2 ช่วง คือ หลังสิ้นสุดครึ่งแรกของแผน และหลังสิ้นสุดแผน” น.ส.ทิพานัน กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 66)
Tags: ทิพานัน ศิริชนะ, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, แผนแม่บท, แร่ธาตุ