นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงตามตลาดคาด หนุนมุมมองที่เงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดแล้ว รวมถึงนโยบายการเงินที่ผ่านจุดสูงสุดแล้วเช่นกัน พร้อมให้แนวรับ 1,680 จุด และ แนวต้าน 1,700 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลงในเดือน ธ.ค. ตามที่ตลาดคาด ส่งผลให้นักลงทุนมองว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และ การดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วเช่นกัน
โดยยังคงต้องติดตามการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติว่าจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป และ ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ที่จะออกมาในสัปดาห์หน้า รวมไปถึงการให้ความเห็นของคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะออกมาอย่างไร
พร้อมให้แนวรับ 1,680 จุด และ แนวต้าน 1,700 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (12 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,189.97 จุด พุ่งขึ้น 216.96 จุด หรือ +0.64%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,983.17 จุด เพิ่มขึ้น 13.56 จุด หรือ +0.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,001.10 จุด เพิ่มขึ้น 69.43 จุด หรือ +0.64%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,391.78 จุด ลดลง 58.04 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,605.07 จุด เพิ่มขึ้น 90.97 จุด หรือ +0.42% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,170.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.90 จุด หรือ +0.22%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ม.ค.65) 1,687.45 จุด เพิ่มขึ้น 1.70 จุด, +0.10%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 423.01 ลบ.เมื่อวันที่ 12 ม.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (12 ม.ค.) เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.27% ปิดที่ 78.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ม.ค.) อยู่ที่ 9.14 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.14 แข็งค่ารอบ 10 เดือนสอดคล้องภูมิภาค รับข่าวเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตามคาด
– “แบงก์ชาติ” เปิด 7 หลักเกณฑ์ ให้ไลเซนส์ “เวอร์ชวล แบงก์” ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 5 พันล้านบาท ย้ำระบบไอทีต้องเป็นเลิศ หากขัดข้องต้องแก้ไขภายใน 2 ชั่วโมงต่อครั้ง หรือ 8 ชั่วโมงต่อปี เผยมีผู้สนใจแล้วกว่า 10 ราย เตรียมประกาศผู้ได้ไลเซนส์กลางปี 67 ช่วงแรกให้ไม่เกิน 3 ราย
– “ศักดิ์สยาม” อัดงบ 1.2 แสนล้านบาท ปูพรมเร่งลงทุนโครงข่ายคมนาคมในปี 66 หวังดันจีดีพีประเทศฟื้นตัว 2.35% เพิ่มขีดความสามารถพลิกโฉมประเทศ พร้อมกางแผนลุยโปรเจ็กต์ปีนี้ครอบคลุมบก-น้ำ-ราง-อากาศ
– ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ธ.ค.65 ว่า ดัชนีทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.63 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค อยู่ที่ 49.7 จากระดับ 47.9 ความเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 34.6 จาก 32.6 และดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต 56.9 จาก 55.2 เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นชัดเจน ดูแลสถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้น ส่งผลให้เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น
– นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในการแถลงข่าวการขับเคลื่อน “ปีท่องเที่ยวไทย 2566 และ Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters ว่า ปีนี้ 2566 หลายคนพูดถึงเศรษฐกิจถดถอยและมีเพียงเครื่องยนต์เดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจไปต่อได้ คือ การท่องเที่ยว ททท.จึงจะมาบอกว่าจะทำให้การท่องเที่ยวปีนี้เป็นไปตามคาดหวังของคนได้อย่างไร เพราะคนที่คาดหวังกับเรามากที่สุดคือประชาชนคนไทย ที่อยากให้เศรษฐกิจและท่องเที่ยวกลับมาเหมือนปี 2562 “นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565 มีจำนวน 11.8 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมาย 10 ล้านคน ขณะที่มีคนไทยเที่ยวในประเทศ 189 ล้านคน/ครั้ง สูงกว่าเป้าหมาย 165 ล้านคน/ครั้ง ส่วนรายได้ต้องรอกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสรุป คาดว่าได้ตามเป้าหมาย 1.5 ล้านล้านบาทแน่นอน ส่วนปี 2566 มีเป้าหมายรายได้รวมที่ 2.38 ล้านล้านบาท จะเป็นการฟื้นคืนเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น”
หุ้นเด่นวันนี้
– RS (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.70 บาท งวดไตรมาส 3/65 รายงานกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท เติบโตสูง QoQ, YoY โดยรายได้เติบโตได้ดีทั้งธุรกิจ Media & Entertainment และธุรกิจ Commerce โดยธุรกิจคอมเมิร์ซมีรายได้เติบโต +20%QoQ ได้แรงสนับสนุนจากการรับรู้รายได้ของ ULife (ขายตรง) เต็มไตรมาส การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า Health and Wellness ในเครือ RS Mall รวมถึงการเติบโตของอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง Lifemate ที่อยู่ในกระแส ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/65 จะเห็นการเติบโตต่อเนื่องภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยธุรกิจ Event จะกลับมาจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมทางการตลาด ได้มากขึ้น ส่วนธุรกิจขายสินค้า ล่าสุดจัดตั้งบริษัท Pet All จับมือกับ Partner เพื่อลงทุนในธุรกิจ Pet Retail ส่งเสริมให้ Ecosystem ของธุรกิจสัตว์เลี้ยงขยายตัวกว้างขึ้น
– AAV (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 3.16 บาท แนวโน้มรายได้จากการขายและบริการปี 66 ฟื้นเด่น DAOL ประเมินโต +123%YoY ที่ 3.6 หมื่น ลบ. นักท่องเที่ยวไทย จีน CLMV หนุน ด้าน ททท. ปรับประมาณการนักท่องเที่ยวปี 66 ขึ้นที่ 25 ล้านคน เทียบกับปี ’22 ที่ 11.8 ล้านคน ค่าเงินบาทแข็งเป็นบวกต่อ AAV ล่าสุดอยู่ที่ 33.11 บาท/ดอลลาร์ -13% นับจากสิ้นเดือน ต.ค.65 ดอกเบี้ยจ่ายของ AAV ซึ่งเป็นสกุลดอลลาร์เกือบทั้งหมดจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 66 DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565 ขาดทุนที่ 8.9 พัน ลบ. ส่วนปี 2566 พลิกเป็นกำไรที่ 1.49 พัน ลบ. ตามลำดับ
– TRUE, DTAC (กสิกรไทย)”ซื้อ” ราคาเป้าหมายของ DTAC และ TRUE อยู่ที่ 58.43 บาท และ 6.28 บาท ผลประกอบการที่คาดจะดีขึ้นอย่างมากจากธุรกิจที่มีรายได้ประจำจะมีคิดเป็นราคาเป้าหมายของ mergeco ที่ 10.32 บาท เทียบกับราคาตลาดบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกำไร โครงการคอนโดใหม่ขนาดใหญ่ก็จะอยู่ที่ 7.84 บาท ในความสนใจเช่นกัน คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับ TP ปี 2566 ขึ้นเป็น 10.5 บาท จาก 10.4 บาท เราเชื่อมั่นว่าการควบรวมกิจการจะดำเนินไปได้ด้วยดีและสร้างมูลค่าหลังการปรับสมมติฐานกำไร กำไรไตรมาส 4/65 ที่อ่อนแอจะสร้างจุดเข้ามหาศาล เราจึงคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม ICT โดยมี DTAC เป็นหุ้นเด่นซื้อที่ดีแก่นักลงทุน ของเรา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ม.ค. 66)
Tags: SET, SET Index, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย