คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เห็นชอบผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ประสบการณ์ และความสามารถทางด้านการเงินของผู้ขอรับอนุญาตสิทธิเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมลักษณะจัดชุด (package) เพื่อเป็นผู้เข้าร่วมการคัดเลือก 3 ราย ได้แก่ บริษัท สเปซ เทค อินโนเวชั่น จำกัด ในเครือ บมจ.ไทยคม (THCOM) , บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) และ บริษัท พร้อม เทคนิคคอล เชอร์วิสเซส จำกัด ทำให้ทั้ง 3 บริษัทมีสิทธิเข้าร่วมประมูลในวันที่ 15 มกราคม 2566
ทั้งนี้ กสทช. จะจัดการประมูลสาธิต (mock auction) ให้ผู้เข้าร่วมประมูลในวันที่ 14 มกราคม 2566
– การประมูลครั้งนี้ ใช้วิธี Sequential Ascending Clock Auction คือ ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องตัดสินใจตามระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละรอบ (20 นาที) ด้วยการเคาะ ซึ่งจะทำให้ราคาสูงขึ้นครั้งละ 5% ของราคาขั้นต่ำ ผู้ชนะ คือ ผู้ให้ราคาสุดท้ายสูงสุด
– ผู้เข้าร่วมประมูลจะไม่ทราบว่าผู้ร่วมแข่งขันรายใดต้องการสิทธิวงโคจรชุดใดและมีความต้องการกี่ชุด รวมทั้งลำดับชุดในการการประมูลนั้น กสทช.จะกำหนดลำดับในวันประมูล เพื่อป้องกันการสมยอมกันระหว่างผู้เข้าร่วมประมูล ซึ่งการประมูลในลักษณะนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันที่โปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด
– รายได้ที่เกิดขึ้นหลังหักค่าใช้จ่ายในการประมูล กสทช.จะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินทั้งหมด
สำหรับข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการประมูลและยกสิทธิให้ NT ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐไปดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 60 บัญญัติให้ “รัฐต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน” นั้น กสทช. เป็นองค์กรอิสระมีหน้าที่และอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้สอดคล้องตามแผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม
รวมทั้งตามนโยบายส่งเสริมการแข่งขันโดยเสรีและเป็นธรรมในการประกอบกิจการดาวเทียม สิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมที่นำมาประมูลในครั้งนี้เป็นการนำสิทธิที่ประเทศไทยมีอยู่เดิมและเคยให้บริการในเชิงพาณิชย์ จึงใช้วิธีการประมูลคัดเลือกผู้ขอรับการอนุญาต ซึ่งเป็นวิธีที่มีความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นกลไกในการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด
หากยกเลิกการประมูลและให้ NT เป็นดำเนินการแต่เพียงผู้เดียว ย่อมส่งผลกระทบ ขาดความต่อเนื่อง และอาจถูกเพิกถอนสิทธิจาก ITU ได้ กรณีที่ไม่สามารถส่งดาวเทียมได้จริง รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการแข่งขัน กลับไปสู่การผูกขาด ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 วรรค 2 ที่บัญญัติให้ “รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชน เว้นแต่กรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐหรือการจัดทำบริการสาธารณะ”
อย่างไรก็ตาม การประมูลครั้งนี้ กสทช.คำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ จึงกำหนดให้ผู้ชนะประมูลต้องจัดช่องสัญญาณให้บริการสาธารณะและประโยชน์ของรัฐโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในแต่ละชุดจำนวน 1 transponder กรณีดาวเทียม broadcast และจำนวน 400 Mbps กรณีดาวเทียม broadband ซึ่งหากเทียบกับสัมปทานเดิม รัฐได้รับทั้งหมดเพียง 1 transponder เท่านั้น ไม่ว่าจะมีดาวเทียมกี่ดวงก็ตาม รวมทั้งในชุดที่ 3 ยังเปิดโอกาสให้รัฐสามารถตั้งสถานีควบคุมบริหารจัดการดาวเทียมในส่วนที่รัฐรับผิดชอบได้ เป็นตัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ม.ค. 66)
Tags: NT, THCOM, กสทช., ดาวเทียม, โทรคมนาคมแห่งชาติ, ไทยคม