นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งพักฐาน หลัง SET ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนระวังการลงทุนมากขึ้น อีกทั้งประธานเฟด 2 สาขา ได้ออกมากล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่เฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในวันนี้และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในวันพฤหัสนี้ ให้แนวต้านไว้ที่ 1,700 จุด และแนวรับ 1,675-1,685 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ ในลักษณะพักฐาน หลังจาก SET ปรับตัวขึ้นเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 โดยขึ้นมา 100 จุดแล้ว นับจากจุดต่ำสุด ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น หลังตลาดหุ้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับมีประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 2 สาขา ออกมากล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย และเงินเฟ้อสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยความเป็นอิสระของธนาคารกลางในการเสวนาที่จะจัดขึ้นที่กรุงสตอกโฮล์มในวันนี้ (10 ม.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้
ให้แนวต้านไว้ที่ 1,700 จุด และแนวรับ 1,675-1,685 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (9 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,517.65 จุด ลดลง 112.96 จุด หรือ -0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,892.09 จุด ลดลง 2.99 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,635.65 จุด เพิ่มขึ้น 66.36 จุด หรือ +0.63%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,176.61 จุด เพิ่มขึ้น 202.76 จุด หรือ +0.78%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,370.42 จุด ลดลง 17.92 จุด หรือ -0.08% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,178.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.94 จุด หรือ +0.06%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ม.ค.65) 1,691.12 จุด เพิ่มขึ้น 17.26 จุด, +1.03%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,370.05 ลบ.เมื่อวันที่ 9 ม.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (9 ม.ค.)เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 74.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 ม.ค.) อยู่ที่ 8.65 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.39 แนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ให้กรอบวันนี้ 33.30-33.60
– “บิ๊กอีเวนต์” เปิดตัว “ประยุทธ์” สมาชิกรวมไทยสร้างชาติ “บิ๊กตู่” ลั่นไม่อยากมีอำนาจแต่ต้องไปต่อ ตามกระบวนการประชาธิปไตย ส่งสัญญาณ จัดทัพเบ็ดเสร็จ ตั้ง “ชัช-ชุมพล-แรมโบ้” ที่ปรึกษานายกฯ “พีระพันธุ์” ลั่นนำพรรคผงาดแกนนำ ด้าน “ชวน” รับส.ส.แห่ลาออก เสียงสภาปริ่มน้ำ-โอกาสยุบสภา ขณะที่กกต.ยื้อเคาะจำนวนส.ส.แบ่งเขต
– “สภาพัฒน์” จ่อยกเครื่องจีดีพีปี 2566 ใหม่ จากคาดการณ์เดิม 3-4% หลังจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด เชื่อช่วยกระทุ้งภาคการท่องเที่ยวไทย ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง “โรงแรม-ร้านอาหาร” ฟื้นตัวเต็มพิกัด
– ทัวริสต์จีนคัมแบ็ครอบ 3 ปี ทวงแชมป์ท่องเที่ยวไทยปี 66 ประเดิม 5 ล้านคน “ไทย” ปลดล็อกเงื่อนไขตรวจวัคซีน และซื้อประกัน 1 หมื่นดอลลาร์ สศช.จ่อปรับ ประมาณการรายได้และนักท่องเที่ยว หลังจีนเปิดประเทศเร็วขึ้น หนุนเศรษฐกิจไทย ปีนี้ ด้าน “เงินบาท” แข็งค่าอันดับ 1 ในเอเชีย หลังทุนนอกไหลทะลักปีนี้ 6.4 หมื่นล้าน “ภากร” ชี้เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น หลังเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว
– ผู้อำนวยการและผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหว 33.10-33.90 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.04 บาทต่อต่อดอลลาร์ โดยมีนักลงทุนต่างชาติซื้อสินทรัพย์ไทยกว่า 47,000 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้น 7,335 ล้านบาท และพันธบัตรไทย 40,148 ล้านบาท ทำให้เงินบาทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าสุดในรอบกว่า 8 เดือนและแข็งค่านำทุกสกุลเงินในภูมิภาค
หุ้นเด่นวันนี้
– PTG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/65 ของ PTG จะเร่งตัวทั้ง Q-Q และ Y-Y จากทั้งปริมาณการที่ปรับตัวขึ้นตาม High Season และการเปิดเมืองเต็มที่ ขณะที่ค่าการตลาดคาดยังอยู่ในระดับที่ดี รวมถึงธุรกิจ Non-Oil ที่ฟื้นตัว คาดกำไรปี 2566 จะเร่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องทั้งจากธุรกิจ Oil และ Non-Oil ที่ดีขึ้น ค่าการตลาดที่กลับสู่ระดับปกติ และธุรกิจ Palm Complex ที่คาดไม่ถ่วงผลการดำเนินงานเท่าปีก่อน
– BBL (พาย)”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 171.00 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 8.4 พันล้านบาท โต 34% YoY (+10% QoQ) ด้วยแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่สูงขึ้น และการตั้งสารองหนี้ฯ ที่ลดลง ขณะที่คาดอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) จะโต 2.6% ทั้ง YoY และ QoQ จากผลตอบแทนสินเชื่อที่สูงขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ย ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR) จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เป็น 56.9% (ไตรมาส 3/22: 46.3%) จากค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงตามปัจจัยฤดูกาล
– QH (กสิกรไทย) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 2.50 บาท จะรายงานยอดขายไตรมาส 4/2565 ที่ 1.7 พันลบ. ลดลง 21.5% YoY และ 26.5% QoQ จากความล่าช้าในการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามคาด QH จะสามารถเพิ่มยอดขายในปี 2565 ได้ 9.4% YoY และจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2566 จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและโครงการใหม่ โดยโครงการ คิว สุขุมวิท และโรงแรมในพัทยาจะได้ประโยชน์อย่างมากจากการกลับมาของชาวจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ม.ค. 66)
Tags: ตลาดหุ้น, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล