ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค. 2565 โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับเงินเฟ้อ และคาดว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้นมีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอว่าเงินเฟ้อกำลังกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งการจะไปถึงจุดนั้นได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ดี กรรมการทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าเฟดควรจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเมื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่จะดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
รายงานการประชุมดังกล่าวซึ่งมีการเผยแพร่ในวันพุธ (4 ม.ค.) ระบุว่า กรรมการเฟดยังคงมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นร้อนแรงมากกว่าคาดในช่วงที่ผ่านมา และแสดงความกังวลว่าตลาดการเงินจะ “มีความเข้าใจที่ผิดพลาด” เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กรรมการเฟดตระหนักว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมานั้น เฟดมีความคืบหน้าในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเพียงพอในการฉุดเงินเฟ้อให้อ่อนแรงลง และด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้เฟดเล็งเห็นถึงความจำเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการต่อสู้กับเงินเฟ้อและการควบคุมความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากเกินไป รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเพิ่มภาระให้กับภาคส่วนที่มีความอ่อนไหว
“กรรมการเฟดส่วนใหญ่เน้นย้ำว่า ในช่วงเวลาที่เฟดดำเนินนโยบายการเงินที่คุมเข้มมากขึ้นนั้น เฟดก็จำเป็นต้องรักษาความยืดหยุ่นเอาไว้เป็นทางเลือกด้วย นอกจากนี้ กรรมการเฟดยืนยันความมุ่งมั่นในภารกิจการฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% พร้อมกับย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารกับตลาดให้ชัดเจนมากขึ้นว่า การชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าคณะกรรมการเฟดจะผ่อนปรนเป้าหมายการสร้างเสถียรภาพของเงินเฟ้อ” รายงานการประชุมระบุ
ในการประชุมเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค.นั้น คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 7 ในปีนี้ โดยเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้ง, 0.50% จำนวน 2 ครั้ง และ 0.75% จำนวน 4 ครั้ง ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4.25% ในปีนี้
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2550
ทั้งนี้ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 5.1% ในปี 2566 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ย 5.00-5.25% เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อจับตาดูผลกระทบของการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ม.ค. 66)
Tags: ดอกเบี้ย, ธนาคารกลางสหรัฐ, เงินเฟ้อ, เฟด