เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ อิงค์ของไต้หวัน ขึ้นแท่นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับอุปสงค์เซิร์ฟเวอร์ บริการจัดเก็บข้อมูลผ่านคลาวด์ (Cloud-storage) และผลิตภัณฑ์ชาร์จรถไฟฟ้า (EV) ของบริษัท โดยเบียดบริษัทผู้ให้บริการสนามบินที่มีมูลค่าสูงสุดของโลกและบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาหุ้นเดลต้าพุ่งขึ้น 12% สู่ระดับ 930 บาทต่อหุ้นเมื่อวันอังคาร (3 ม.ค.) ทำให้หุ้นดังกล่าวพุ่งขึ้นถึง 32% ในเวลาเพียง 3 วัน และส่งให้มูลค่าตลาดทะยานขึ้นสู่ระดับ 1.16 ล้านล้านบาท (3.38 หมื่นล้านดอลลาร์) แซงหน้าบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT และบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT
บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า อุปสงค์ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มช่วยหนุนให้กำไรของเดลต้าพุ่งขึ้นถึง 200% ในไตรมาส 4 แต่เคจีไอและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าหุ้นดังกล่าวพุ่งสูงเกินไป โดยส่วนใหญ่ประเมินว่าราคาหุ้นเดลต้าในช่วง 12 เดือนจะอยู่ที่ประมาณ 551 บาท ซึ่งต่ำกว่าระดับปิดเมื่อวานนี้ถึง 41% โดยมีนักวิเคราะห์รายเดียวที่แนะนำให้ซื้อ ส่วนอีก 7 รายแนะนำให้ถือ และอีก 6 รายแนะนำให้ขาย
นายภาสกร ลินมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยระบุว่า มูลค่าตลาดของเดลต้านั้นสูงมาก แต่สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนรายย่อยกลับจำกัดมาก” โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า สัดส่วนการถือหุ้นเดลต้าของนักลงทุนรายย่อยอยู่ที่เพียงประมาณ 22.4% เท่านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ม.ค. 66)
Tags: DELTA, ภาสกร ลินมณีโชติ, ราคาหุ้น, หุ้นไทย, เดลต้า อีเลคโทรนิคส์