นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงความทุกข์ใจของประชาชน จากการเป็นหนี้บัตรเครดิตจนต้องติดแบล็กลิสต์ ว่า โควิดและพิษของแพง ทำให้การผิดนัดชำระหนี้ของคนไทยเพิ่มขึ้นเป็นหลักหลายล้านคน รายชื่อทุกคนเหล่านี้จะปรากฏใน ‘แบล็กลิสต์’ ที่เครดิตบูโร ทั้งนี้ แม้ทางการและสถาบันการเงินจะบอกว่าการติดแบล็กลิสต์เป็นเพียงข้อมูล ไม่ได้เป็นข้อตัดสินในการพิจารณาสินเชื่อ แต่ความจริง ‘ผู้ติดแบล็กลิสต์’ แทบทุกคน จะกู้ยืมในระบบไม่ได้อีกเลย
นายกรณ์ กล่าวว่า แม้เวลานี้บูโรจะเริ่มเก็บคะแนน Credit Score แต่ก็ไม่มีอิทธิพลต่อการพิจารณาปล่อยสินเชื่อเหนือแบล็กลิสต์ ทั้งนี้ Credit Score คือ ระบบการจัดเกรดให้คะแนนความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้แต่ละคน โดยคะแนนส่วนหนึ่งมาจากประวัติการชำระหนี้ที่กู้ยืมมา แต่ที่สำคัญ ต้องมีประวัติการชำระหนี้ประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำ ค่าไฟ
ทั้งนี้ Credit Score ที่จะมีประโยชน์สูงสุด ควรต้องรวมข้อมูลรายรับรายจ่ายในการทำมาเลี้ยงชีพด้วย เช่น หนุ่มแกร๊บ วิ่งรับส่งของวันละ 10 ชั่วโมงทุกวัน ก็ควรจะได้คะแนนเพิ่ม เพราะขยันทำมาหากิน สะท้อนถึงความสามารถในการหารายได้ ดังนั้นระบบ Credit Score ในอนาคต จำเป็นต้องเชื่อมโยงชุดข้อมูลที่มีผลกับความสามารถในการชำระหนี้ของบุคคล (ซึ่งในวงการการเงินเรียกว่า alternative data) มาพิจารณาร่วมในการปล่อยกู้ มากกว่าใช้เพียงข้อมูลการชำระหนี้ในอดีตอย่างเดียว
หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ประเด็นปัญหาคือ ชุดข้อมูลจำนวนมากในกลุ่มนี้ อยู่ในมือรัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน ซึ่งไม่เปิดให้มีการเข้าถึงได้ จึงต้องเป็นนโยบายภาครัฐที่เข้ามาปลดล็อคให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้มากขึ้น และยกเลิกการใช้ระบบแบล็กลิสต์แบบเดิม
“ชาติพัฒนากล้า จะเสนอเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญ เพราะเชื่อว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ต้องเริ่มจากการปลดแอกประชาชนออกจากเงื่อนไขของระบบที่ไม่เป็นธรรมก่อน” นายกรณ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ม.ค. 66)
Tags: กรณ์ จาติกวณิช, พรรคชาติพัฒนากล้า