ดัชนีฟิวเจอร์ของตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเล็กน้อยในการซื้อขายเช้านี้ ขณะที่นักลงทุนรอคอยการซื้อขายวันสุดท้ายของปีในวันนี้ (30 ธ.ค.) ซึ่งถือเป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุดสำหรับตลาดหุ้นนับตั้งแต่ปี 2551
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ขยับลง 41 จุด หรือ 0.12% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ลดลง 0.14% และ 0.08% ตามลำดับ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นในการซื้อขายตามเวลาทำการปกติเมื่อวานนี้ โดยดัชนี Nasdaq Composite และ S&P500 พุ่งขึ้นประมาณ 2.6% และ 1.8% ตามลำดับ ส่วนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 345 จุด หรือ 1.05%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P บวกขึ้นเล็กน้อย ส่วนดัชนี Nasdaq ขยับลงพอสมควร อย่างไรก็ตาม ดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวลงในเดือนธ.ค. หลังบวกขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การซื้อขายในวันนี้ (30 ธ.ค.) จะเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่ย่ำแย่สำหรับตลาดหุ้น โดยภาวะตลาดหมีที่ผันผวน เงินเฟ้อเรื้อรัง และการปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอีกด้วย
แม้ใกล้ปิดฉากปี 2565 แล้ว แต่นักลงทุนบางส่วนคิดว่าสถานการณ์ย่ำแย่ในตลาดหุ้นจะยังไม่สิ้นสุดลงในอนาคตอันใกล้ โดยคาดการณ์ว่าภาวะตลาดหมีจะยังคงอยู่ต่อไปจนกระทั่งเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือเฟดปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
นายอดัม ซาร์ฮาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท 50 Park Investments ระบุว่า การที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการช้อนซื้อหุ้นคืน การลงทุนแบบเน้นคุณค่า และการเทรดหุ้นตามกระแส
“ปัจจัยพื้นฐานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวอย่างรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่หุ้นจะดีดตัวกลับขึ้นมา” นายซาร์ฮานระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ธ.ค. 65)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นสหรัฐ