ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิ้ลและเทสลาปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในสายการผลิตในจีนที่เพิ่มขึ้น
รายงานระบุว่า ราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิ้ลร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเทสลาร่วงลง 73% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย. 2564
บริษัททั้งสองแห่งต่างประสบปัญหาการผลิตในจีน เนื่องจากข้อจำกัดด้านมาตรการโควิดและการล็อกดาวน์หลายสัปดาห์ ปัจจุบัน บริษัทกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านการจัดหาพนักงาน ขณะที่จีนกำลังรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิดอีกระลอกหลังจากยกเลิกข้อจำกัดที่บังคับใช้มานานหลายปี โดยทางการจีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางที่เข้มงวด โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2566
เมื่อพิจารณาจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นในศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญ นักวิเคราะห์เชื่อว่า ต้องใช้เวลาก่อนที่การผลิตจะกลับมาเต็มที่อีกครั้ง
ไซมอน แบพติสต์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit – EIU) กล่าวว่า “โรงงานต่าง ๆ จะประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานเป็นเวลาอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่การผลิตของโรงงาน และแน่นอนว่าแรงงานต่างเมืองส่วนใหญ่จะเดินทางกลับไปยังบ้านบ้านเกิดในช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงสิ้นเดือนม.ค. 2566”
ทั้งนี้ นายแบพติสต์เสริมว่า “กำลังการผลิตในจีนไม่น่าจะกลับสู่ระดับปกติจนถึงปลายเดือนก.พ. 2566”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 65)
Tags: จีน, ตลาดหุ้น, นักลงทุน, หุ้นเทสลา, หุ้นแอปเปิล, ไซมอน แบพติสต์