บมจ.เจ เอ เอส แอสเซ็ท (J) อีกหนึ่งแขนขาสำคัญของกลุ่ม บมจ. เจ มาร์ท (JMART) ที่มีศักยภาพเติบโตจากธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า Community Mall อย่าง The Jas และ IT Junction ตอบสนองลูกค้าด้านเทคโนโลยี รวมทั้ง Jas Property บริการด้านอสังหาริมทรัพย์
วันนี้ J พร้อมแล้วลุยธุรกิจใหม่จับเทรนด์ Aging Society อย่าง Senera Senior Wellness ศูนย์ผู้สูงอายุครบวงจรที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะมาเป็นอีกแรงขับเคลื่อนกำไรให้กับ J ในปี 66
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า โครงการ Senera Senior Wellness เป็น Wellness ที่แตกต่างจากที่อื่น นั่นคือมีพื้นที่อยู่ติดศูนย์การค้า เพราะฉะนั้นทุกที่ที่ไปเปิด Community Mall ก็จะมีในฝั่งของ Senera เข้าไปด้วย อย่างปีนี้เรามีของสาขาคู้บอน ปีหน้าก็จะมี Senera สาขาลาดปลาดุก
“เราผ่านช่วงโควิดกันมา คนเริ่มหันมารักสุขภาพมากขึ้น ผู้สูงวัยมีมากขึ้น นวัตกรรมเทคโนโลยีก็ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งเราก็สามารถหยิบมาใช้กับผู้สูงอายุในปัจจุบันได้มากขึ้น อย่างคู้บอน เราจัดสรรที่ดินถึง 7 ไร่ในการทำศูนย์ดูแลผู้สูงอายุแบบครบวงจร มี 3 อาคารด้วยกัน อาคารแรกคือ Medical Center เป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ด้านการแพทย์ ตึกที่สองคือ Active Building สำหรับผู้สูงอายุที่ยังดูแลตัวเอง 49 ห้อง และ ตึกที่สามเป็นความร่วมมือกับ รพ.วิมุต เพื่อดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิง 79 เตียง”นายสุพจน์ กล่าว
สำหรับแผนเปิดโครงการแรกในเดือน ธ.ค.เปิด Medical Center และ Active Building และช่วงต้นเดือน ก.พ.66 จะเปิดศูนย์ดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิง ก็จะเปิดได้อย่างเต็มเฟสในปีหน้า ส่วนแผนขยายสาขายังโฟกัสที่รอบกรุงเทพฯ เป็นหลัก ตอบรับไปกับแผนขยายศูนย์การค้า เพราะในทุกชุมชนที่เราเข้าไปก็จะมีผู้สูงอายุ เราก็อยากตามไปดูแลเขา
นายสุพจน์ กล่าวว่า ปี 66 จะเป็นปีแรกที่ J จะเปิดศูนย์การค้าใหม่พร้อมกัน 2 แห่ง คือ Jas Green Village ลาดปลาดุก ทำเลบางบัวทองในไตรมาส 3/66 และ Jas Green Village รามคำแหงไตรมาส 4/66 นับเป็นสาขาที่ 6 และ 7 ตามลำดับ
“เพราะฉะนั้นเป้าขยายสาขาในแง่ของ Community Mall เราอยากจะเปิดสาขาให้ได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 ตารางเมตร/ปี นี่เป็นเป้าที่เราอยากจะไปให้ถึง” นายสุพจน์ กล่าว
งบลงทุนจะถูกแยกเป็น 2 ส่วน งบศูนย์การค้าอยู่ที่ราว 300 ล้านบาท/สาขา ส่วน Senera สาขาคู้บอนอยู่ที่ 300 ล้านบาท แต่ Senera สาขาบางบัวทองจะไซส์เล็กลงมาหน่อย คาดว่าจะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท
ด้านธุรกิจ IT Junction มีแพลนขยายสาขาร่วมกับ Big C อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มอีก 8 สาขาในปีหน้า จากตอนนี้ที่ 29 สาขา และปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาโมเดลใหม่ เป็นรูปแบบของตลาด IT Junction ที่ไปอยู่ในชุมชนมากขึ้น เป็น Standalone มากขึ้น นับเป็นอีกรูปแบบใหม่ของ IT Junction
และแผนธุรกิจ JAS Property หลังจากปิดโปรเจคท์ Newera Condominium ไป ก็ยังต้องหาที่ดินที่จะพัฒนาสร้างขายต่อ แต่สิ่งที่บริษัทต้องการ คืออยากพัฒนาสร้างขายที่ดินควบคู่ไปกับการสร้างศูนย์การค้า ซึ่งเป็นโมเดลที่ตั้งใจไว้ อาทิ พื้นที่วัดลาดปลาดุก เมื่อจะไปสร้างศูนย์การค้าแล้ว เราก็ซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการสร้างขายของเราด้วย 6 ไร่ที่นั่น
นอกจากนี้ หลังจากทำโครงการ Senera เราพบว่าผู้สูงอายุในชุมชน มากกว่า 80% ยังอยากอยู่ที่บ้าน ใช้ชีวิตที่เดิมกับครอบครัว และสิ่งที่เขาต้องการคือ ให้เข้าไปช่วยปรับปรุงบ้าน หรือรีโนเวทบ้านให้เหมาะกับสังคมผู้สูงวัยมากขึ้น และในเมื่อเรามีทีมออกแบบ ทีมงานก่อสร้างแล้ว JAS Property ก็จะรับบทบาทตรงนี้
“ในภาพรวมทุก Business Unit ที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า, Senera, IT Junction หรือ Property ก็แล้วแต่ เราคาดว่าเราจะโตไม่ต่ำกว่า 30% ในแต่ละปี และคำว่า 30% เราพูดถึง Bottom Line ด้วยนะ เราไม่ได้พูดถึง Growth บนแค่ Revenue” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J กล่าว
“เราอยากเป็น Asset เป็นโครงการ เป็นสินค้าที่ทุกชุมชนต้องมี เราอยากให้ทุก ๆ หัวถนนมีโลโก้ J asset ไปแปะอยู่ เรื่องใจล้วน ๆ ที่เราอยากทำให้เขา พอเราทำออกไปเดี๋ยวผลกำไรก็จะสะท้อนออกมาเอง ชุมชนก็จะรักเรามากขึ้น”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 65)
Tags: INTERVIEW, J, สุพจน์ สิริกุลภัสสร์, หุ้นไทย, เจ เอ เอส แอสเซ็ท