MOSHI ปิดเทรดวันแรก 32.00 บาท เพิ่มขึ้น 11.00 บาท (+52.38%) จากราคา IPO ที่ 21.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 3}358.74 ล้านบาท จากราคาเปิด 35.00 บาท ราคาสูงสุด 36.75 บาท ราคาต่ำสุด 32.00 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมิน บมจ.โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น (MOSHI) อิง PER2566 ที่ 26.7 เท่า (เทียบเท่า PEG ที่ 0.8 เท่า) ได้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 66 ที่ 28.00 บาทต่อหุ้น มี Upside จากราคา IPO +33.3% เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ”
MOSHI ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งสินค้าไลฟ์สไตล์ในราคาย่อมเยา ภายใต้แบรนด์ “Moshi Moshi” มีเครือข่ายรวม 101 สาขา มีส่วนแบ่งการตลาด 37.6% เป็นอันดับ 1 ในไทย สัดส่วน 99% ของรายได้รวมมาจากช่องทางการขายผ่านร้านค้าปลีกและร้านค้าส่ง
บริษัทฯสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการจากต่างประเทศได้จากราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าและการออกแบบสินค้าที่ตรงกับความชอบของกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย (Localization)
บล.หยวนต้าฯ มองว่า อุตสาหกรรมค้าปลีกกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังผ่านช่วงของการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยมีแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยคาดกำไรปกติปี 65-66 ที่ 203 ล้านบาท (+55% YoY) และ 315 ล้านบาท (+55% YoY) ตามลำดับ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 22 ธ.ค.65 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญและหนึ่งในความสำเร็จของบริษัทย ด้วยศักยภาพ ข้อได้เปรียบ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทยจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสนับสนุนให้ MOSHI เป็นหนึ่งหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากถึง 12 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องใช้ในบ้าน (Home Furnishing) กระเป๋า (Bag) เครื่องเขียน (Stationery) ตุ๊กตา (Plush Toy) ของใช้แฟชั่น (Fashion) อุปกรณ์เสริมความงาม (Beauty) เครื่องนุ่งห่ม (Apparel) เครื่องสำอาง (Cosmetic) อุปกรณ์ด้านไอที (IT) ของเล่น (Toy) อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drink) และหมวดอื่นๆ (Others) เช่น หน้ากากผ้า ชุดตรวจหาเชื้อ COVID-19 (Antigen Test Kit) เป็นต้น โดยมีจำนวนสินค้า (SKUs) รวมกว่า 22,000 SKUs
พร้อมกันนี้ ได้มีการวางจำหน่ายสินค้าในลักษณะ Collection เป็นประจำทุกเดือน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และสร้างสีสันให้แก่ร้านค้า โดยสินค้า Collection มีทั้งลวดลายที่ออกแบบโดยทีมงานของบริษัทฯ และตัวการ์ตูนที่ได้รับลิขสิทธิ์ ได้แก่ ตัวการ์ตูน Mickey Mouse, We Bare Bears, Winnie the Pooh, Snoopy และ Hello Kitty เป็นต้น
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนใช้สำหรับการขยายสาขาและการลงทุนโครงการในอนาคต รวมถึงการพัฒนาสาขาเดิม และการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น การพัฒนาระบบ Supply Chain และระบบการขายสินค้าหน้าร้าน (Point of Sale System) นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาการขยายสาขาในรูปแบบนอกห้างสรรพสินค้า (Stand Alone) ในพื้นที่ใกล้กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น บริเวณแหล่งชุมชนและโรงเรียน รวมถึงมีแผนในการเปิดสาขารูปแบบแฟรนไชส์ (Franchise) เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายการขยายร้านสาขาของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 165 สาขา ภายในปี 2568 จากปัจจุบันมีสาขาร้าน Moshi Moshi และร้าน GIANT ที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 101 สาขา (ณ วันที่ 30 `กันยายน 2565) โดยสาขาส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย เพื่อรักษาการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย
“เรามีแผนในการเปิดสาขาทดลองจำนวน 2 สาขาในจังหวัดหัวเมืองรอง ในรูปแบบร้านค้าปลีกนอกห้างสรรพสินค้า หรือที่เรียกว่า Stand Alone บริเวณแหล่งชุมชน โรงเรียน และศูนย์ราชการ เป็นต้น ซึ่งเราจะทำการศึกษาพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าและพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าในจังหวัดหัวเมืองรอง เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์ในการกำหนด Product Mix ที่เหมาะสมสำหรับสาขาในจังหวัดหัวเมืองรอง รวมทั้งนำข้อมูลรายได้ต่อสาขา อัตราการทำกำไร มาวิเคราะห์ เพื่อกำหนดรูปแบบและแฟรนไชส์ (Franchise) ที่เหมาะสม และมีแผนต่อยอดการเปิดสาขารูปแบบแฟรนไชส์ (Franchise) ในปี 67” นายสง่า กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 65)
Tags: IPO, MOSHI, หุ้นไทย, โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น