หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามต่างประเทศ รับดัชนีเชื่อมั่นสหรัฐเพิ่ม-น้ำมันพุ่ง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันปรับขึ้น จากสต็อกน้ำมันสหรัฐฯลดลง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดันดัชนี รวมถึงการทำ Window dressing ในช่วงนี้เข้ามาช่วยหนุนตลาด พร้อมให้แนวต้าน 1,615-1,620 จุด แนวรับ 1,600-1,605 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ช่วงเช้านี้เปิดมาปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืน ขานรับการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯเดือนธ.ค. 65 ที่ออกมาเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันมีปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯรายงานสต็อกน้ำมันออกมาต่ำกว่าคาด และในช่วงนี้อาจเห็นการทำ Window dressing ปิด NAV ช่วงปลายปี ช่วยหนุนดัชนีได้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยกดดันในด้านเศรษฐกิจอยู่ โดยเฉพาะความกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่อาจจะมีผลกดดันต่อตลาดหุ้นในบางช่วงได้

โดยให้แนวต้าน 1,615-1,620 จุด แนวรับ 1,600-1,605 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,376.48 จุด พุ่งขึ้น 526.74 จุด หรือ +1.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,878.44 จุด เพิ่มขึ้น 56.82 จุด หรือ +1.49% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,709.37 จุด เพิ่มขึ้น 162.26 จุด หรือ +1.54%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,552.43 จุด เพิ่มขึ้น 164.71 จุด หรือ + 0.62%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,537.45 จุด เพิ่มขึ้น 376.96 จุด หรือ +1.97% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,085.80 จุด เพิ่มขึ้น 17.39 จุด หรือ +0.57%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ธ.ค.65) 1,609.94 จุด เพิ่มขึ้น 5.50 จุด, +0.34%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,523.82 ลบ.เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (21 ธ.ค.) พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 78.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ธ.ค.) อยู่ที่ 8.91 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.65 คาดธุรกรรมเบาบาง ตลาดรอปัจจัยใหม่ชี้นำ

– ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. กกร.ได้ทำหนังสือด่วนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอเข้าพบหารือกรณีที่รัฐบาลเตรียมประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในปีหน้า เนื่องจากภาคเอกชนมีความกังวลว่า การขึ้นค่าไฟอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ และส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจไทย ขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟู ทั้งนี้ กกร.เสนอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนเกณฑ์การคิดค่าไฟฟ้าภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมให้เกิดความเหมาะสม

– ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาได้สั่งให้ ททท. เร่งหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อปรับแผนของบฯ กลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจากรัฐบาลเพื่อจัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว จากเดิมที่เสนอขอ 8,700 ล้านบาท เพื่อให้เหลือวงเงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อนำเข้า ครม.ให้ทันวันที่ 27 ธ.ค.นี้

– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยแนวโน้มของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในปี 2566 โดยระบุว่า แม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามแรงหนุนจากการท่องเที่ยว แต่ก็ยังถือว่าเป็นการฟื้นตัวที่ไม่ทั่วถึง ทั้งในมิติของประเภทธุรกิจ หรือขนาดของธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวในครั้งนี้ ทำให้ธุรกิจแบงก์ไทยในปี 2566 น่าจะให้ภาพการฟื้นตัวที่ระมัดระวังเช่นกัน ขณะที่จุดจับตาหลักจะมีหลายเรื่อง ซึ่งกระทบต่อภาพรวมของการทำธุรกิจและการแข่งขัน

หุ้นเด่นวันนี้

– MOSHI บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดพาณิชย์ โดยใช้ชื่อย่อ “MOSHI” ในวันที่ 22 ธันวาคม 2565 IPO ราคาหุ้นละ 21 บาท MOSHI ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ จำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลาย ทันสมัยและคุณภาพดี สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ในราคาย่อมเยา ภายใต้ชื่อทางการค้า “Moshi Moshi” โดยสินค้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท มีการออกแบบเพื่อจำหน่ายในร้าน Moshi Moshi โดยเฉพาะ

– KKP (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 75.50 บาท แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มปันผลสูง โดยเราคาดการณ์ปันผลปี ‘65-66 KKP 4-5% เหมาะสมในการรับมือตลาดที่ผันผวนสูง แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยและสินเชื่อในช่วงปลายปีเติบโต ประเมินกำไรไตรมาส 4/65 เติบโดเด่น YoY โดยกำไรงวด 9 เดือนปี 65 คิดเป็น 82% ของประมาณการทั้งปี ดังนั้นกำไรไตรมาส 4/65 จะเด่น DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 8.17 พัน ลบ. และ 8.49 พัน ลบ. +29%YoY, +4%YoY ตามลำดับ

– BDMS (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 36 บาท ราคาหุ้นพักตัวมาแล้วขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังดี ผลประกอบการยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นราคาหุ้นที่ลดลงจึงเป็นโอกาสซื้อ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top