ไทย-เทศ ฉลองคึกคักรับปีกระต่าย คาดรายได้ท่องเที่ยวพุ่ง 3 หมื่นลบ.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย และนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ช่วง 4 วัน (30 ธ.ค.65 – 2 ม.ค.66) น่าจะสร้างรายได้สู่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เป็นมูลค่ารวมประมาณ 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 (ก่อนการระบาดของโควิด)

ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของทุกปี เป็นอีกช่วงเวลาที่คนไทยจะมีการเดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดที่หนาแน่น การเดินทางท่องเที่ยวมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มที่เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวพักค้างในพื้นที่ และการเดินทางท่องเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับบ้านเพื่อเยี่ยมญาติ และมีการท่องเที่ยวระหว่างเส้นทาง ทั้งในและนอกพื้นที่

จากผลสำรวจแผนการเดินทางท่องเที่ยวของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 66 พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างจังหวัด แต่ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนแผนการท่องเที่ยว ซึ่งยังขึ้นอยู่กับการระบาดของโควิด เนื่องจากในช่วงนี้ยังพบผูติดเชื้อจำนวนเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ภายใต้บรรยากาศที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วง 4 วัน ของเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 65-2 ม.ค 66 (ทางรัฐบาลได้ประกาศวันหยุดราชการกรณีพิเศษ 1 วัน ในวันที่ 30 ธ.ค. 65 ซึ่งหน่วยงานเอกชนบางแห่ง อาจจะมีการหยุดเพิ่มเติมเช่นกัน) น่าจะสร้างรายได้สู่ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 14,500 ล้านบาท

สำหรับจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมนั้น จากการรวบรวมข้อมูลการค้นหาที่พักผ่าน Destination Insights with Google พบว่า จังหวัดที่มีการค้นหาสูงเป็นลำดับต้นๆ ยังคงเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวภูเขา/ยอดดอย เนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็น และชมแสงอาทิตย์แรกของปี

ทั้งนี้ จังหวัดส่วนใหญ่จะมีจุดหมายปลายทางที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางภูเขา ที่เป็นที่นิยมของคนไทย เช่น เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ น่าน เชียงราย เลย และแม่ฮ่องสอน เป็นต้น สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่คนไทยค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวลำดับต้นๆ อาทิ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี เป็นต้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 66 นักท่องเที่ยวต่างชาติยังให้ความสนใจ เลือกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย ซึ่งจากข้อมูล Destination Insights with Google พบว่า ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่มีการค้นหาข้อมูล (Fastest growing destination globally) ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก

โดยตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. 65 ชาวต่างชาติยังคงเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 66 ชาวต่างชาติจะให้ความสนใจเดินทางมามากขึ้น เนื่องจากหลายเมืองในประเทศไทย เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับต้นของโลก ในการมาเฉลิมฉลอง Countdown อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ในปีนี้ทางหน่วยงานรัฐและเอกชน จัดกิจกรรมในหลายพื้นที่ ซึ่งน่าจะช่วยหนุนบรรยากาศการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติกลับมาคึกคักมากขึ้น นอกจากนี้ หลายสายการบินเปิดเส้นทางบินตรง และเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินมายังประเทศมากขึ้น รวมถึงตลาดทัวร์เครื่องเช่าเหมาลำจากยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายปี

ดังนั้น ในภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากทุกภูมิภาค รวมถึงนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป ที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่ยังต่ำกว่าศักยภาพ หรือเทียบกับปกติที่ในช่วงเวลานี้ มักจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ และวิกฤตพลังงาน

จากบรรยากาศดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วง 4 วันระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 65-2 ม.ค. 66 จะมีมูลค่าประมาณ 15,500 ล้านบาท สำหรับจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี (เช่น พัทยา) ภูเก็ต (เช่น ป่าตอง หาดราไวย์) กระบี่ และสุราษฎร์ธานี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่ธุรกิจท่องเที่ยวยังมีโจทย์เฉพาะที่ต้องติดตาม เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจได้ทันเวลา ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และโลกที่จะมีผลต่อกำลังซื้อ การปรับพฤติกรรมและรูปแบบการท่องเที่ยวตามเทรนด์ที่เกิดขึ้น การแข่งขันในธุรกิจท่องเที่ยวที่สูงขึ้นจากผู้ประกอบการรายเก่าและรายใหม่ที่เห็นโอกาสในธุรกิจ ขณะเดียวกัน แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวมีการกระจายตัวไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ รวมถึงมีผลต่อรายได้ของธุรกิจเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top