นายแดน เยอร์กิน รองประธานบริษัทเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะพุ่งแตะระดับ 121 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อจีนกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี นายเยอร์กินเตือนว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญกับความไม่แน่นอน 3 ประการ
“การคาดการณ์เบื้องต้นของเราคือ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวที่ระดับ 90 ดอลลาร์ในปี 2566 และเมื่อจีนกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ก็จะทำให้อุปสงค์ในตลาดพุ่งขึ้นอย่างมาก และผลักดันราคาน้ำมันทะยานขึ้นแตะระดับ 121 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยนอกเหนือจากการเปิดประเทศของจีนแล้ว การลงทุนที่ค่อนข้างต่ำในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซจะเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันที่ระดับ 121 ดอลลาร์ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกทำสงครามในยูเครน”
“อย่างไรก็ดี เราคาดว่าราคาน้ำมันจะเผชิญกับความไม่แน่นอน 3 ประการใหญ่ ๆ ซึ่งได้แก่การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย, อุปสงค์ในจีน และการที่รัสเซียมีปฏิกิริยาต่อมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของชาติตะวันตก นอกจากนี้เราคาดว่า หากตลาดเผชิญภาวะขาลงในช่วงเศรษฐกิจถดถอยนั้น ราคาน้ำมันอาจดิ่งลงสู่ราว 70 ดอลลาร์/บาร์เรล” นายเยอร์กินให้สัมภาษณ์ในรายการ “Street Signs Asia” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี
ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานของรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางของจีนได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 หลังจากที่บังคับใช้มาตรการเข้มงวดด้วยการกำหนดให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านและสั่งให้ภาคธุรกิจดำเนินงานจากทางไกลเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ทั้งนี้ S&P คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 15.7 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 700,000 บาร์เรล/วันจากระดับของปี 2565
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 65)
Tags: จีน, ตลาดน้ำมัน, น้ำมันดิบ, ราคาน้ำมัน, เปิดประเทศ, เอสแอนด์พี โกลบอล