บล. โกลเบล็ก (GBS) แนะกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากโครงการช้อปดีมีคืนปี 66 ได้แก่ BJC-CPALL-MAKRO-CRC-COM7-SPVI-CPW-JMART-HMPRO-ZEN-M-AU หลังจากวันนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งสามารถนำรายจ่ายซื้อสินค้าและบริการตามที่กำหนดไปลดหักหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้ของปี 66 ได้ไม่เกินคนละ 40,000 บาท
รองลงมาหุ้นที่อานิสงส์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น ได้แก่ BCH, CHG, EKH, THG และ WPH
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังวิตกกังวลเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจาก เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยตัวเลข PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 44.6 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จาก 46.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
อีกทั้งความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐเพิ่มขึ้น หลังจากรัฐบาลสหรัฐขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีจีนรวม 36 แห่ง ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งของสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดของโลก ประกอบกับเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีนประกาศปิดโรงเรียนส่วนใหญ่ เนื่องจากกังวลว่าการยกเลิกมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโควิด-19 จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจีนจะเผชิญโควิดระบาด 3 ระลอกในฤดูหนาวนี้
นักเศรษฐศาสตร์จีนจากยูบีเอส (UBS) คาดการณ์ตัวเลข GDP ของจีนในไตรมาส 4/65 มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่คาด จึงปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 65 จาก 3.1% เหลือแค่ 2.7% อ้างถึงการขยายตัวที่ย่ำแย่กว่าคาดในเดือนพ.ย. จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับดัชนี SET ให้กรอบสัปดาห์นี้ 1,600-1,640 จุด ปัจจัยที่ต้องจับตา วันนี้ (20 ธ.ค.) ธ.ค. ครม.พิจารณาแพ็คเกจของขวัญปีใหม่ของแต่ละกระทรวง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมและแถลงเกี่ยวกับมตินโยบายการเงิน และสหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.
- วันที่ 21 ธ.ค. สหรัฐ รายงานดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/65 ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.
- วันที่ 22 ธ.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลข GDP 3Q65 ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.
- วันที่ 23 ธ.ค. ญี่ปุ่นรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานการประชุม สหรัฐรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินราคาทองคำ Sideway up อยู่ในกรอบ 1,773-1,824 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ช่วงต้นสัปดาห์มีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ย.ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 7.1% สอดคล้องกับมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามคาด และกองทุน SPDR เริ่มกลับมาซื้อ +5.79 ตัน หนุนราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,824 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ต่อมาช่วงกลางสัปดาห์มีสัญญาณกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในปี 66 ที่ระดับ 5.25-5.75% ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 3.63% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 105.29 อีกทั้งยังคงจับตาประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีเงินเฟ้อส่วนบุคคลเดือนพฤศจิกายน หากตัวเลขดังกล่าวอ่อนตัวลงจะเป็นตัวหนุนต่อราคาทองคำ ขณะที่ SPDR กลับเข้ามาซื้อต่อเนื่อง ล่าสุดภาพรวมเดือน ธ.ค.เข้าซื้อไปแล้วกว่า 5.79 ตัน
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำมีแนวโน้ม sideway up เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐอาจออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ อีกทั้งตลาดได้ตอบรับข่าวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดไปแล้ว มองกรอบราคาบริเวณ 1,775-1,850 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หากไม่หลุดแนวรับดังกล่าวทยอยเข้าซื้อสะสม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 65)
Tags: SET, SET Index, บล.โกลเบล็ก, วิลาสินี บุญมาสูงทรง, หุ้นไทย