นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ พักฐานตามตลาดภูมิภาคเอเชีย โดยนักลงทุนยังกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย หลังตัวเลข PMI สหรัฐ ออกมาหดตัว และแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ด้วย รวมถึงเฟด ยังคงใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากกว่าที่ตลาดคาด แต่อย่างไรก็ตามคาดตลาดหุ้นไทย Outperform กว่าตลาดต่างประเทศ จากความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และเม็ดเงิน SSF-RMF ไหลเข้า ให้แนวรับไว้ที่ 1,610-1,615 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดพักฐาน เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกถดถอยกดดันต่อภาพการลงทุนโดยรวม หลังวันศุกร์ที่ผ่านมา เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 44.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 46.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากกว่าที่ตลาดคาด
อย่างไรก็ตาม มองตลาดหุ้นไทย Outperform กว่าตลาดต่างประเทศ จากความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ และเม็ดเงิน SSF, RMF ไหลเข้าโค้งสุดท้าย
ให้แนวรับไว้ที่ 1,610-1,615 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,920.46 จุด ลดลง 281.76 จุด หรือ -0.85%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,852.36 จุด ลดลง 43.39 จุด หรือ -1.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,705.41 จุด ลดลง 105.11 จุด หรือ -0.97%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,279.92 จุด ลดลง 247.2 จุด หรือ -0.9%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,472.21 จุด เพิ่มขึ้น 21.54 จุด หรือ +0.11% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,165.31 จุด ลดลง 2.55 จุด หรือ -0.08%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ธ.ค.65) 1,619.01 จุด ลดลง 1.27 จุด, -0.08%
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,269.81 ลบ.เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (16 ธ.ค.)ร่วงลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ธ.ค.) อยู่ที่ 9.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.82 แข็งค่าสวนทางตลาด รับเม็ดเงินไหลเข้าหนุน-รอปัจจัยใหม่
- การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 ธ.ค.นี้ จะมีการพิจารณามาตรการของขวัญปีใหม่ 2566 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการดังนี้ มาตรการทางภาษี มาตรการจากหน่วยงานรัฐ และสถาบันการเงินแห่งรัฐ โดยในส่วนของมาตรการภาษีนั้น จะเสนอโครงการช้อปดีมีคืนที่จะเปิดให้ผู้ที่ใช้จ่ายนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการ มาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง วงเงินสูงสุด 40,000 บาท แบ่งเป็นวงเงินซื้อสินค้าและบริการไม่เกิน 30,000 บาท และเพิ่มเติมสำหรับการซื้อสินค้าที่มีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์อีก 10,000 บาท เริ่ม 1 ม.ค.-15 ก.พ.66 รวมระยะเวลา 46 วัน
- “ททท.” ผนึกภาคเอกชนจัดเต็มอีเวนต์ส่งท้ายปี “เคานต์ดาวน์ 2023” ในกรุงเทพฯ หัวเมืองท่องเที่ยว กระตุ้นกำลังซื้อ รับเทรนด์ “เที่ยวล้างแค้น” หลังอั้น นาน 3 ปี ด้าน “อิมแพ็ค” เผยยอดจองงานแสดงสินค้า ประชุม คอนเสิร์ต ไตรมาสแรก ปีหน้าพุ่ง 146 งาน “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ” อีเวนต์ปีนี้ฟื้น 40% หวังปีหน้ากลับโหมดปกติจับตา ครม.เคาะแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ ชงช้อปดีมีคืน 4 หมื่นบาทต่อคน คู่ต่อมาตรการ เราเที่ยวด้วยกัน
- นิด้าโพล” ชี้ ปชช.เอือม ส.ส. อยากให้ “บิ๊กตู่” ยุบสภาฯ ก่อนสิ้นปี “สวนดุสิตโพล” ซ้ำนักการเมืองไทยไร้พัฒนา-ห่วยลง “ซูเปอร์โพล” ชี้ภาพจำ “ภูมิใจไทย” โดดเด่นจัดการวัคซีนโควิด ยก “อนุทิน” ผู้นำการเมืองที่ ปชช.วางใจ พปชร.จี้ “วิรัช” ไขก๊อก ส.ส. เลื่อนคนขึ้นประคององค์ประชุมสภาฯ
- เวิลด์แบงก์ คาดเศรษฐกิจไทยปี 2566 ขยายตัว 3.6% อานิสงส์จากภาคท่องเที่ยว แต่ยังฟื้นตัวได้ช้ากว่าเมื่อเทียบกับอาเซียนด้วยกัน ชี้ปีหน้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย การส่งออกชะลอตัวหดเหลือ 2.1% ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่งฉุดจีดีพี
- ผู้จัดการตลท.เผย ตลาดหุ้นไทยเผชิญปัจจัยท้าทายเพิ่ม “ทั้งตลาดผิดปกติ รัฐเก็บภาษีขายหุ้น” ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลกชะลอ สงครามรัสเซียกับยูเครน ดอกเบี้ยขาขึ้นที่กดดันการลงทุน วอนรัฐพิจารณา 3 ประเด็นหลัก “อัตราที่เหมาะสม ไม่ซ้ำซ้อน ระยะเวลาที่ควรเก็บ”
- กกพ.ขึ้นค่า Ft ทำกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมค่าไฟพุ่ง 5.69 บาท/หน่วย สภาอุตฯ โอดรัฐไม่ฟังย้ำจุดยืนต้องชะลอการขึ้นค่า Ft เผยกระทบหนัก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม พาเหรดปรับขึ้นราคาสินค้า จำแนก 3 กลุ่มตามการใช้ไฟฟ้าพบ “เหล็ก-เคมี-กระดาษ-แก้วกระจก-ปูนซีเมนต์-เซรามิก-โรงกลั่นน้ำมัน/ปิโตรเคมี-หล่อโลหะ-อาหารเครื่องดื่ม” โดนหนักสุด ต้องปรับราคาสินค้าขึ้น 9-12% ส่งผลกระทบความสามารถในการแข่งขันส่งออก ด้านกรมการค้าภายในแตะเบรกขู่ห้ามขึ้นราคาสินค้า
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 65.50 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดรายได้เติบโตจากการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในหมวดท่องเที่ยว-ร้านอาหาร และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ส่วนปี 66 ผู้บริหารตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง 15%YoY จากปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต +10% สินเชื่อส่วนบุคคล +9% โดยยังคงเน้นขยายฐานบัตรเครดิตร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ และขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าที่มีฐานเงินเดือนสูงขึ้น (ลด NPL) ขณะที่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (สินเชื่อพี่เบิ้ม) ที่พลาดเป้าในปี 65 ไปจะดีขึ้นในปี 66 เป็น 9 พันล้านบาท จากการเสนอผ่านช่องทางของ KTB ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อ (KTBL) ตั้งเป้า +3 พันล้านบาท โดยจะหันมาเน้นที่กลุ่มรถบรรทุกมากขึ้นเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ารถยนต์ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 65 ราว 7.1 พันล้านบาท +21%YoY และปี 66 ที่ 7.8 พันล้านบาท +9%YoY
- CENTEL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 54 บาท ดักเก็งกำไรคาดหวัง ครม. นำมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เข้าที่ประชุมในวันพรุ่งนี้เป็นบวกต่อผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารในประเทศ
- BGRIM (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 61.25 บาท 1)กกพ. ประกาศ Ft งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.66 ค่า Ft ขยับขึ้นไปที่ 190.44 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 5.69 บาทต่อหน่วย (สูงกว่าสมมติฐานของ KS ที่คาดทั้งปี 2023 ที่ 5.2 บาท) หรือ Upside ราว 50 สตางค์ เรามองบวกต่อ BGRIM: Ft เพิ่มขึ้น 1 สตางค์ earnings เพิ่มขึ้น 25ลบ./ปี 2)ราคา Gas pool price แนวโน้มแกว่งตัวลง และค่าเงินบาทที่แนวโน้มแข็งค่าๆ ล่าสุดบาทลงมาแตะ 34.7 บาทอีกครั้ง แข็งค่าเทียบกับปลายไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 38.0 บาท โดยๆเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุกๆ 1 บาท/ดอลลาร์คาดจะเพิ่ม upside เชิงบวกต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของ BGRIM ที่ 9.9%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ธ.ค. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย