ตุรกี-ไทยจับมือขยายตลาด ปูทางสู่ FTA ดันยอดการค้าแตะ 5 พันล้านดอลล์

นายเจมิล ทาการ์ (Mr.Cemil Cakar) ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกสารเคมีและเคมีภัณฑ์แห่งอิสตันบูล (IKMIB) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนการค้า IKMIB สู่แดนไทย มั่นใจการเจรจาข้อตกลงเสรีทางการค้า (FTA) ไทย-ตุรกี จะมีความคืบหน้าจนสามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ภายในปลายปี 2566 ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยผลักดันมูลค่าการค้าของทั้งสองประเทศให้เพิ่มขึ้นจาก 1.97 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน เป็น 5 พันล้านดอลลาร์

“มั่นใจภายในปลายปีหน้าจะได้ข้อยุติ เพราะได้หารือกับภาคเอกชนไทย ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย ต่างต้องการให้เกิดขึ้น เพราะสินค้าส่วนใหญ่แตกต่างกัน และถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็ไม่มีปัญหา แต่ที่ยังติดขัดอยู่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสินค้าเกษตร” นายเจมิล กล่าว

หัวหน้าคณะผู้แทนการค้า IKMIB กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยไทยจะเป็นประตูการค้าในภูมิภาคอาเซียนให้กับตุรกี ขณะที่ตุรกีจะเป็นประตูการค้าในสหภาพยุโรปให้กับไทย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ความร่วมมือของทั้งสองประเทศจะทำให้วิกฤตกลายเป็นโอกาส ไทยจะมีแหล่งวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพในราคาที่สามารถแข่งขันได้ ส่วนตุรกีสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น ที่ผ่านมา คนไทยยังไม่รู้จักสินค้าตุรกีจึงต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์

ความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ต้องเริ่มต้นจากการซื้อขายสินค้า ก่อนที่จะก้าวไปสู่การลงทุนในระยะต่อไป ซึ่งตุรกีมีความสนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรม New S-Curve ที่สอดคล้องกับนโยบาย BCG เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น

“ถึงแม้ปริมาณการค้าที่ทั้งสองประเทศมีต่อกัน จะไม่ทำให้เป็นตลาดที่สำคัญ แต่ความร่วมมือที่เกิดขึ้น จะทำให้ทั้งสองประเทศเป็นคู่ค้าที่สำคัญต่อกัน” นายเจมิล กล่าว

หัวหน้าคณะผู้แทนการค้า IKMIB กล่าวว่า การนำบริษัทเอกชนตุรกีจำนวน 29 รายเดินทางเข้ามาจัดงานจับคู่ทางธุรกิจครั้งนี้มุ่งหวังที่จะจะปูทางไปสู่การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ หรือเปิดทางให้บริษัทไทยและตุรกี ได้ผนึกกำลังและยกระดับความสามารถในการแข่งขันผ่านการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย ซึ่งครั้งนี้ เป็นการเดินทางเข้ามาเป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อปี 2558

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top