กองทุน ETF สองแห่งของฮ่องกงที่ลงทุนในสัญญาบิตคอยน์และอีเธอร์ สามารถระดมทุนรวมกันเบื้องต้นได้ 79 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่รัฐบาลฮ่องกงกำลังผลักดันแผนการสนับสนุนให้ฮ่องกงก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านคริปโทเคอร์เรนซี แม้อุตสาหกรรมคริปโทฯ ทั่วโลกเผชิญกับความระส่ำระสาย อันเนื่องมาจากการล้มละลายของบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ก็ตาม
ทั้งนี้ กองทุน ETF ทั้งสองกองทุนคือ CSOP Bitcoin Futures และ CSOP Ether Futures จะเป็นกองทุน ETF สัญญาบิตคอยน์และอีเธอร์กองแรกของเอเชีย ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงในวันนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากกองทุนดังกล่าวสามารถระดมทุนได้เบื้องต้น 59 ล้านดอลลาร์ และ 20 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในช่วงต้นปีนี้รัฐบาลฮ่องกงได้เปิดเผยแผนการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางคริปโทฯ ของเอเชีย โดยจะอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยและกองทุน ETF สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถซื้อขายคริปโทฯ ได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีเป้าหมายที่จะกอบกู้ฮ่องกงให้กลับมาเป็นศูนย์กลางการเงินได้อีกครั้ง
ผลิตภัณฑ์ซื้อขายคริปโทฯ ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่ราคาโทเคนทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2564 แต่อุปสงค์ได้อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา หลังจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลทรุดตัวลง รวมทั้งบริษัทคริปโทฯ อาทิ FTX ซึ่งก่อตั้งโดยนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ประสบกับภาวะล้มละลาย
รายงานล่าสุดระบุว่า นายแบงค์แมน-ฟรีดได้ถูกจับกุมตัวแล้วที่ประเทศบาฮามาส ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ FTX โดยศาลมีคำสั่งห้ามประกันตัวเนื่องจากนายแบงค์แมน-ฟรีดมีอัตราโทษสูงและมีความเสี่ยงที่จะหลบหนี โดยการจับกุมตัวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. หลังจากรัฐบาลสหรัฐได้ตั้งข้อหาอาชญากรรมแก่นายแบงค์แมน-ฟรีด เนื่องจากกระทำการหลอกลวงจนทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายเป็นวงเงินจำนวนมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 65)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, ETF, FTX, คริปโทเคอร์เรนซี, ตลาดหุ้นฮ่องกง, บิตคอยน์, อีเธอร์