สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 76.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 81.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.76% แตะที่ระดับ 104.5570 เมื่อคืนนี้ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในวันข้างหน้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ร่วงลง 5.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.7% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ของจีนปรับตัวขึ้นเพียง 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 3.6%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 65)
Tags: lifestyle, WTI, น้ำมัน, ราคาน้ำมัน