นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) มั่นใจประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นศูนย์กลางการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
“แม้ที่ผ่านมาประเทศจะต้องพบกับวิกฤตเศรษฐกิจหลายต่อหลายครั้ง แต่ประเทศไทยก็ยังคงเนื้อหอม และน่าสนใจในสายตาของนักลงทุน เห็นได้จากสื่อต่างๆ ที่นำเสนอข่าวบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างประเทศหลายเจ้าเดินหน้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่ม EV ที่ไม่ว่าจะจากประเทศจีน ญี่ปุ่น ยุโรป ต่างเห็นว่าไทยมีศักยภาพพอที่จะเป็น Hub ด้าน EV ได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า” นายวีริศ กล่าว
ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า อยากให้มองว่าวันนี้ทั่วโลกกลับมาเปิดประเทศแล้ว หลังจากต้องปิดประเทศไปกว่า 2 ปี ซึ่งเศรษฐกิจโลกจะต้องเติบโตแล้ว วันนี้ประเทศไทยเป็น 1 ในกลุ่มอาเซียนที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด แต่สิ่งสำคัญวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการลด แลก แจก แถม แต่เป็นเรื่องของการกำกับให้ดี เพราะถ้าเราเน้นดึงเฉพาะเงินทุน แน่นอนว่าเรื่องของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะเกิดขึ้นได้ ประเทศไทยในขณะนี้จึงเน้นไปที่เรื่องของ BCG การดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน และการรักษ์โลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่า
การก้าวสู่ปีที่ 51 ของ กนอ.เราจะใช้ INSPIRE แรงบันดาลใจ เพื่อให้หัวและใจนำพาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย มุ่งสู่สากล ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุน และนอกเหนือจากการร่วมลงทุนกับเอกชนในบริษัทจัดการด้านพลังงานแล้ว เรายังมีแผนจะทำธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน Sale Agency และการทำ IEAT Academy ด้วย
“วันนี้ไม่อยากให้ดูแค่เพียงเรื่องของเม็ดเงินที่จะเข้าสู่พื้นที่ แต่เราจะเน้นเรื่องของการปรับกฎระเบียบต่างๆ ไม่ให้นักลงทุนที่จะเข้ามานั้นทำลายสิ่งแวดล้อมและชุมชนด้วย เพื่อสานต่อนโยบายภาครัฐเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดูแลชุมชน และลดคาร์บอน” นายวีริศ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 65)
Tags: กนอ., การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, วีริศ อัมระปาล