สมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (SEIA) และสถาบันวิจัยวู้ด แมคเคนซี (Wood Mackenzie) คาดการณ์ว่า การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ใหม่ของสหรัฐอาจลดลงเกือบ 1 ใน 4 ในปีนี้ เนื่องจากการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์ที่หยุดชะงักจากคำสั่งระงับการนำเข้าสินค้าของจีนจากมณฑลซินเซียง จากความกังวลด้านปัญหาการบังคับใช้แรงงาน
คาดการณ์ข้างต้นของ SEIA และวู้ด แมคเคนซีมีขึ้นในขณะที่บริษัทด้านพลังงานแสงอาทิตย์กำลังพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากเงินอุดหนุนจำนวนมากในกฎหมายการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act หรือ IRA) ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่สนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานสะอาดเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รายงานรายไตรมาสบ่งชี้ว่า โครงการการติดแผงโซลาร์เซลล์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโปรเจกต์ขนาดยักษ์ จะหดตัวลง 40% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2564 สู่ระดับ 10.3 กิกะวัตต์
ขณะเดียวกัน โครงการขนาดใหญ่สำหรับสาธารณูปโภคและลูกค้ารายใหญ่อื่น ๆ คิดเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐ ในขณะที่การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เชิงพาณิชย์และในระดับชุมชนคาดว่าจะหดตัวลงเช่นกัน แม้จะคาดการณ์ว่าในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยจะมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้น 37%
โดยรวมแล้ว คาดว่าการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทั่วสหรัฐจะลดลง 23% สู่ระดับ 18.6 กิกะวัตต์
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ข้อจำกัดด้านอุปทานอาจคงอยู่ไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปีหน้า และทำให้ผลของกฎหมาย IRA ล่าช้าออกไปอีก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 65)
Tags: สหรัฐ, แผงโซลาร์เซลล์