นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และอดีตรมช.แรงงาน โพสต์เฟสบุ๊กนำเสนอความคิดต่อการปรับปรุงงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลอีกครั้ง โดยระบุว่ากรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขเงินกองทุนและเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ล่าสุดยังอยู่ในระดับสูง และสถานะทางการเงินของธุรกิจประกันภัยยังมั่นคง สะท้อนว่าระบบการเงินไทยยังมั่นคง แต่ระบบการเงินโลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ที่อาจส่งผลกระทบกับเสถียรภาพของระบบการเงินไทยได้
ทั้งนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกทั่วโลกหดตัว การส่งออกไทย เดือนต.ค. 65 กลับมาติดลบครั้งแรกในรอบ 9 เดือน ล่าสุด ธปท. และสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) ยังคาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยปี 66 จะโตเพียง 1% ทิศทางจึงยังเป็นที่น่ากังวล โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ขณะที่รายได้จากภาคการท่องเที่ยว ยังไม่ฟื้นตัวได้เต็มศักยภาพ จึงต้องเร่งแผนส่งเสริมการส่งออกเพื่อเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรยังไปได้ดี โดยเฉพาะข้าว ยังเป็นพระเอกที่การส่งออกขยายตัว 2.8% ต่อเนื่องมาตลอด และมีโอกาสเติบโตเพิ่มทั้งในตลาดอิรัก จีน แอฟริกาใต้ และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี นอกจากเร่งส่งเสริมจุดแข็งในภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวแล้ว ต้องรีบปิดจุดอ่อนในระบบการเศรษฐกิจและการเงินไทย คือ ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือน และผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (SMEs) ที่ยังมีมูลหนี้ในระดับสูง สัญญาณหนี้เสียมาจากกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัว
“การระดมสรรพกำลังแก้หนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ให้กลุ่มนี้ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องได้รับมาตรการเสริมเฉพาะจุดในการช่วยเพิ่มรายได้ และมาตรการที่จะช่วยลดค่าครองชีพ โดยไม่ต้องทำแบบหว่านแหให้ทุกคน แต่ทำเฉพาะกลุ่ม ด้วยการใช้ข้อมูลเฉพาะของกลุ่มเปราะบางนี้มาจัดมาตรการเฉพาะช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนถึงระยะปานกลาง จะเป็นหนทางในการป้องกันความเสี่ยงให้กับระบบเศรษฐกิจและการเงินไทย”
นางนฤมล ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 65)
Tags: SMEs, ท่องเที่ยว, นฤมล ภิญโญสินวัฒน์, พรรคพลังประชารัฐ, ส่งออก, หนี้ครัวเรือน, เศรษฐกิจไทย