เซ็นแล้ว! กนอ.-ไทยแท้งค์ เทอร์มินัลฯ ร่วมลงทุนบริหารจัดการท่าเรือสาธารณะ

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ลงนามสัญญาร่วมลงทุนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) กับ บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด ดำเนินกิจการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว และคลังเก็บสินค้าเหลว ระยะเวลาการให้สิทธิ 30 ปี หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเห็นชอบการคัดเลือกเอกชนและเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการฯ

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ กนอ. เปิดเผยว่า โครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลว ถือเป็นโครงการร่วมลงทุนที่ 2 ที่ กนอ. ลงนามในสัญญาร่วมทุนฯ ถัดจากโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) โดยบริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการท่าเรือมากกว่า 30 ปี

กนอ. จึงเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทฯ ในการดำเนินงาน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระบบขนส่งแบบไร้รอยต่อของประเทศไทยไปสู่ประตูเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีการเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 โดยเงื่อนไขมูลค่าการลงทุนภายใน 30 ปีข้างหน้า เราต่อรองได้มากกว่าที่ ครม.กำหนด จาก 10,600 ล้านบาท เป็น 14,881 ล้านบาท ถือเป็นความสำเร็จของคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารพื้นที่รองรับสินค้าเหลว ที่เชื่อว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต

การลงนามในครั้งนี้ กนอ. จะให้สิทธิการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าเหลวและคลังเก็บผลิตภัณฑ์เหลว เนื้อที่โครงการรวม 182.1535 ไร่ พร้อมอาคารและสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่โครงการ ระยะเวลาการให้สิทธิ 30 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญา โดยบริษัทฯ มีหน้าที่บำรุง รักษา และซ่อมแซมถังกักเก็บสินค้าเหลว จำนวน 102 ถัง (ถังเก็บแบบตั้งบนดิน On Ground) และถังกักเก็บของเสีย (Slop Tank) จำนวน 5 ถัง รวมถึงงานก่อสร้างทดแทนถังกักเก็บสินค้าเหลวข้างต้น เพื่อรักษามาตรฐานของถังกักเก็บสินค้าเหลวให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ราชการกำหนด สามารถรองรับปริมาณสินค้าเหลวได้ไม่ต่ำกว่า 723,000 ลูกบาศก์เมตรตลอดระยะเวลาโครงการ และให้มีการลงทุนเพิ่มพร้อมออกค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโครงการตลอดระยะเวลา 30 ปี มูลค่า 14,881 ล้านบาท โดย กนอ. จะได้ผลตอบแทนตลอดระยะเวลาโครงการเป็นเงินมูลค่ารวม 20,236.68 ล้านบาท

ทั้งนี้ ครม.กำหนดให้มีการเจรจาเพื่อเพิ่มสัดส่วนของบริษัทไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทไทยมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 30 ปีที่ผ่านมา

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top