หุ้นไทยปิดลบ 1.79 จุด ซึมตัวชะลอลงทุนก่อนหยุดยาวอีกรอบ-กังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย

SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,620.49 จุด ลดลง 1.79 จุด (-0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 42,657.31 ล้านบาท นักวิเคราะห์เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ซึมตัวปริมาณซื้อขายเบาบาง ชะลอลงทุนลดความเสี่ยงก่อนเข้าหยุดยาว และกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย แนะทยอยสะสมหุ้นเพื่อขายทำกำไรสัปดาห์หน้าลุ้นเฟดส่งสัญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า แต่พรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวด์ ให้แนวรับ 1615 และ 1,610 จุด แนวต้าน 1,627 และ 1,630 จุด

  • SET ปิดวันนี้ที่ 1,620.49 จุด ลดลง 1.79 จุด (-0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 42,657.31 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีซึมตัวเคลื่อนไหวแดนลบทั้งวัน โดยทำระดับสูงสุด 1,625.90 จุด และต่ำสุด 1,615.06 จุด
  • ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 642 หลักทรัพย์ ลดลง 814 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 595 หลักทรัพย์

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างซึมตัว โดยมีปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และเป็นการชะลอลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวอีกครั้ง

นอกจากนี้ ตลาดฯ ยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการปรับน้ำหนักการลงทุนของ FTSE Rebalance รวมไปถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สัปดาห์หน้าคาดว่าจะส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 66 ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า และเงินบาทก็จะแข็งค่าขึ้น โดยให้น้ำหนัก 80-90% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50% ในการประชุมรอบนี้ ดังนั้น จึงแนะนำทยอยสะสมหุ้นเพื่อไปขายทำกำไรในสัปดาห์หน้า

พรุ่งนี้คาดว่าดัชนีมีโอกาสรีบาวด์หลังจากไม่ได้ลงไปจนหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,610 จุด พร้อมให้แนวรับใหม่ 1615 และ 1,610 จุด แนวต้าน 1,627-1,630 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,473.01 ล้านบาท ปิดที่ 31.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
  • BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,118.20 ล้านบาท ปิดที่ 28.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,109.83 ล้านบาท ปิดที่ 172.50 บาท ลดลง 3.50 บาท
  • DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,733.66 ล้านบาท ปิดที่ 682.00 บาท ลดลง 12.00 บาท
  • BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,081.25 ล้านบาท ปิดที่ 9.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top