ฟินิไมซ์ (Finimize) แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนเชิงลึกในลอนดอน เผยผลวิจัยล่าสุดพบว่า นักลงทุนรายย่อยวางแผนที่จะลงทุนในปริมาณเท่าเดิมหรือมากขึ้นในปี 2566 แม้ตกอยู่ภายใต้วิกฤตค่าครองชีพสูงก็ตาม
ทั้งนี้ ผลการสำรวจระบุว่า มีนักลงทุนรายย่อยเพียง 1% เท่านั้นที่วางแผนจะขายสินทรัพย์ที่ลงทุนไว้ในปีหน้า ในขณะที่ 65% เลือกที่จะลงทุนต่อไปตามเดิม และ 29% วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุน
นายแม็กซ์ โรฟากา ซีอีโอของฟินิไมซ์ แถลงเมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) ว่า “ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ตลาดตกอยู่ภายใต้ภาวะแวดล้อมเช่นปัจจุบัน แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมองว่า ความผันผวนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวงจรทางเศรษฐกิจเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าถึงข้อมูลที่ง่ายขึ้นและประสบการณ์จากการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น”
การสำรวจดังกล่าวนั้นเป็นการเก็บข้อมูลจากนักลงทุนรายย่อย 2,000 คน จากยุโรป เอเชีย และสหรัฐ ซึ่งกว่า 80% ของนักลงทุนเหล่านี้มองว่า ตลาดหุ้นจะผ่านพ้นภาวะตกต่ำที่สุดภายในระยะเวลา 6 เดือน
ทั้งนี้ นักลงทุน 72% วางแผนว่าจะลงทุนในหุ้นรายตัวในปีหน้า ขณะที่ 64% ให้ความสนใจในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง แอปเปิ้ล ไมโครซอฟท์ กูเกิล และเมตา ส่วนอีก 38% เลือกที่จะลงทุนในคริปโทฯ แม้การล้มลายของเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) บริษัทซื้อขายคริปโทฯรายใหญ่ ได้สร้างผลกระทบแบบเป็นวงกว้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 65)
Tags: คริปโทเคอร์เรนซี, นักลงทุนรายย่อย, ฟินิไมซ์, ลงทุน