นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 และบอร์ด ธ.ก.ส.เห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด เพื่อลดภาระราคาผลผลิตตกต่ำนั้น ธ.ก.ส.ได้เริ่มโอนเงินประกันรายได้ งวดที่ 1-7 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวในช่วงวันที่ 15 ต.ค. – 25 พ.ย. ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย.65 เป็นเงิน 6,697 ล้านบาท เกษตรกรได้รับประโยชน์ 2.33 ล้านครัวเรือน
และล่าสุดในวันพรุ่งนี้ ธ.ก.ส.ได้เตรียมโอนประกันรายได้ (เงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคากลางอ้างอิง) ในงวดที่ 8 พร้อมกับงวดที่ 1-7 (ในส่วนเพิ่มเติม) เข้าบัญชีเกษตรกรอีกจำนวน 557.58 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวในช่วงวันที่ 26 พ.ย. – 2 ธ.ค. 65 ซึ่งจะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 192,775 ครัวเรือน
ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ ทางแอปพลิเคชัน ธ.ก.ส. A-Mobile และ A-Mobile Plus ตลอด 24 ชั่วโมง และจะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่าน LINE Official BAAC Family กรณีที่ลูกค้าสมัครใช้บริการ BAAC Connect รวมถึงสามารถเบิกถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ สำหรับเกษตรกรที่มีข้อสอบถามเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวนี้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า หลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้นี้ จะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 กับกรมส่งเสริมการเกษตร และต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย โดยกรมส่งเสริมการเกษตร จะจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยว และคำนวณปริมาณผลผลิต โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิดคูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย ส่งให้ ธ.ก.ส. ประมวลผล เพื่อดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคากลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 65)
Tags: กษาปณ์ เงินรวง, ธ.ก.ส., ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ประกันรายได้