มอร์แกน สแตนลีย์ วาณิชธนกิจระดับโลกจากสหรัฐ ปลดพนักงานทั่วโลกประมาณ 2% ในวันอังคารที่ 6 ธ.ค. โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อพนักงานราว 1,600 รายในเกือบทุกภาคส่วนขององค์กร จากพนักงานทั้งหมด 81,567 ราย
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ดำเนินการตามรอยโกลด์แมน แซคส์ และบริษัทอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงซิตี้ กรุ๊ปและบาร์เคลย์ส โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าบรรดาสถาบันการเงินในวอลล์สตรีทกำลังกลับมาใช้ธรรมเนียมปฏิบัติเดิมอีกครั้ง หลังจากที่เคยระงับชั่วคราวในช่วงโควิด-19 ระบาด
ที่ผ่านมานั้น ภาคธนาคารของสหรัฐจะทำการปลดพนักงานที่มีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานเป็นประจำทุกปี โดยธนาคารจะปลดพนักงาน 1% -5% หากพนักงานเหล่านั้นถูกพิจารณาว่าเป็นจุดอ่อนขององค์กร ก่อนถึงช่วงเวลาการจ่ายเงินโบนัส เพื่อที่จะนำเงินก้อนดังกล่าวมาจ่ายให้พนักงานที่เหลืออยู่ได้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้ภาคธนาคารของสหรัฐได้ระงับธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวในปี 2563 หลังโรคระบาดส่งผลให้การทำข้อตกลงทางธุรกิจเฟื่องฟูตลอดระยะเวลา 2 ปี แต่ข้อตกลงส่วนใหญ่ถูกระงับไปในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก
มอร์แกน สแตนลีย์และธุรกิจประเภทเดียวกัน เล็งเห็นว่าพนักงานมีจำนวนมากเกินความจำเป็น โดยตำแหน่งพนักงานของมอร์แกน สแตนลีย์พุ่งขึ้น 34% ในช่วงไตรมาส 1/2563 ถึงไตรมาส 3/2565 แม้ว่าจะรวมผลกระทบของการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ 2 ข้อตกลง
อนึ่ง มอร์แกน สแตนลีย์ปลดพนักงานแบบเป็นวงกว้างครั้งสุดท้ายในปี 2562
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 65)
Tags: ปลดพนักงาน, มอร์แกน สแตนลีย์, สหรัฐ