นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทิศทางซึมตัวปริมาณการซื้อขายไม่มากนัก จากความกังวลต่อสถานการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ในเมืองต่าง ๆ ของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน และส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทานเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ประธานเฟดสาขาออกมาตอกย้ำให้มีการขึ้นดอกเบี้ยและยาวนานมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 จุด และ แนวต้าน 1,620-1,630 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวใกล้เคียงกับวานนี้ คือแกว่งตัวในกรอบแคบๆในทิศทางที่ซึมตัวปริมาณการซื้อขายไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ในเมืองต่าง ๆ ของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และจะทำให้เกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทานทานเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์และสาขานิวยอร์ก ออกมาสนับสนุนให้มีการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องและยาวนานเพื่อที่สกัดเงินเฟ้อ
โดยนักลงทุนอยู่ระหว่างรอติดตามการเปิดเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 ของสหรัฐในวันที่ 30 พ.ย. รวมไปถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 2 ธ.ค. และการประชุมเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค.
ในขณะเดียวกันนักลงทุนรอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธ ที่ 30 พ.ย. นี้ด้วย
พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 จุด และ แนวต้าน 1,620-1,630 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (28 พ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,849.46 จุด ร่วงลง 497.57 จุด หรือ -1.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,963.94 จุด ลดลง 62.18 จุด หรือ -1.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,049.50 จุด ลดลง 176.86 จุด หรือ -1.58%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,991.50 จุด ลดลง 171.33 จุด หรือ -0.61%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,558.60 จุด เพิ่มขึ้น 260.66 จุด หรือ +1.51% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,096.11 จุด เพิ่มขึ้น 17.56 จุด หรือ +0.57%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 พ.ย.65) 1,616.91 จุด ลดลง 3.93 จุด, -0.24%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 633.76 ลบ.เมื่อวันที่ 28 พ.ย.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (28 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.26% ปิดที่ 77.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 พ.ย.) อยู่ที่ 8.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.78 อ่อนค่า กังวลสถานการณ์โควิดในจีน จับตา Flow สิ้นเดิอน-ตัวเลขศก.สหรัฐ
– ตลาดหุ้นทั่วโลกทั้งเอเชีย ยุโรป อเมริกาเคลื่อนไหวในแดนลบ เซ่นพิษประท้วงต้านล็อกดาวน์ในจีนที่ลามทั่วประเทศ ขณะที่ ยอดโควิด ในจีนทำนิวไฮทะลุ 40,000 คน ซ้ำเติมกระแสต้านโควิด เป็นศูนย์ “โกลด์แมน แซคส์” คาดจีนเลิกนโยบายคุมเข้ม โควิด เม.ย. ปีหน้า ด้าน “อีไอซี” มองการประท้วงในจีน แค่ปัจจัยชั่วคราว “ทีทีบี” เชื่อจีนผ่านเหตุการณ์ประท้วงได้
– “พาณิชย์” เผยส่งออก ต.ค. หดตัว 4.4% ติดลบครั้งแรกรอบ 20 เดือน ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย มั่นใจปีนี้เกินเป้า 4% หวั่นเศรษฐกิจโลกฉุดส่งออกปีหน้า EIC คาดปีหน้าโตแค่ 1.2% ชะลอตามเศรษฐกิจโลก “ทีทีบี” คาดส่งออก พ.ย.-ธ.ค.ติดลบต่อเนื่อง ห่วงฉุดจีดีพีปีหน้า ปรับคาดการณ์เหลือ 3.5% หวั่นเศรษฐกิจจีนชะลอกลายเป็นคู่แข่งไทย แนะเก็บกระสุนกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ใช้กลางปีหน้า
– สธ.เผยสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แนะฉีดเข้มสุดท้ายเกิน 4 เดือน ต้องฉีดเข็มกระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน และรับปลายปีที่คาดจะมีการระบาดมากขึ้นจากกิจกรรมส่งท้าย ปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ประเมินปี 66 ทั่วโลกอาจได้เห็นโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน รุ่น 3 เป็นลูก หลาน เหลน ของ BA.5 ระบาดมากขึ้น แต่ยังประเมินไม่ได้รุนแรงหรือไม่
– “บิ๊กตู่” ได้ฤกษ์ ยันปรับ ครม. แน่ ก่อนปีใหม่ ว่างตรงไหน ปรับตรงนั้น ลือปรับใหญ่ วางทัพพร้อมสู้เลือกตั้ง เผยกลุ่ม ส.ส.ปากน้ำ พปชร. ผงาด ได้โควตา รมช.เกษตรฯ ส่งชื่อคนนอกให้สำนักเลขาธิการ ครม.ตรวจคุณสมบัติแล้ว อีก 1 เก้าอี้ ให้ “บิ๊กปอม” ตัดสินใจ เจ้าตัวร่ายยาวไม่เซ็ง ไม่เครียด ไม่น้อยใจ ข่าว 2 ป.แยกทาง ย้ำ “พปชร.-รทสช.” พรรคเดียวกัน ลั่นปั้น พปชร.เป็นหลักให้ชาติต่อ “ชัยวุฒิ” ยังไม่เลือกอยู่กับใคร น้องชาย “เทพไท” ออก ปชป.ซบ รทสช.ทันที “อันวาร์” ส.ส.ปชป.ปัตตานี ออกด้วย
– ททท.เผยสารพัดปัจจัยเสี่ยง ที่จะมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวไทยปี 2566 อาทิ เศรษฐกิจโลกที่ถดถอย เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพเพิ่ม ค่าเดินทางแพงขึ้น ไม่มีการอัดอั้นการเดินทางเหมือนปีนี้และในเดือนมี.ค.ปีหน้าเข้าสู่โลว์ซีซั่น แต่ยังวางเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน ฟาดรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท
หุ้นเด่นวันนี้
– บมจ. ออโรร่า ดีไซน์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดแฟชั่น โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “AURA”ในวันนี้ ราคา IPO 10.90 บาท AURA ประกอบธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นที่มีบริการแบบครบวงจร รวมถึงธุรกิจขายฝากทองคำและเครื่องประดับที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทที่ได้รับการยอมรับ 5 ตราสินค้า ได้แก่ AURORA เซ่งเฮง ทองมาเงินไป ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond ณ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทมีเครือข่ายสาขาทั่วประเทศจำนวน 265 สาขา และมีแผนขยายสาขาและธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพร้านสาขา และการนำ Big Data มาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ ในการนำเสนอสินค้าและบริการในอนาคต
-TRUE (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.80 บาท แนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้น TRUE ประเมินดีลการควบรวมกิจการ TRUE-DTAC เดินหน้าต่อไม่เลิก ส่วนราคาที่เคยตั้ง Tender ไว้ (5.09 บาท) คาดไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วน Operation หลักอย่างการให้บริการมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/65-ไตรมาส 1/66 หนุนด้วย ARPU ที่เร่งตัวขึ้นล้อไปกับการขายอุปกรณ์มือถือพ่วงกับ Package
– KISS (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 11 บาท ยอดขายเครื่องสำอางฟื้นตัวขึ้นหลังจากเปิดเมือง, กระแสตอบรับสเปย์พ่นจมูก (Covitrap) ดีมากปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท เปิดตัว 2 เดือนทำยอดขายได้แล้ว 60 ล้านบาท
– BJC (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี66 42.00 บาท เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการไตรมาส 4/65 เป็นจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัวแรง QoQ จากการเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย และ จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งไตรมาส4 ก็เป็น high season ของการท่องเที่ยวในไทยอยู่แล้ว โดย Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อกลุ่ม CVS; mini BigC รวมไปถึงการซื้อขนมขบเคี้ยว/ของฝากใน BigC นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากงานฟุตบอลโลก รวมไปถึงนโยบายการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯที่คาดว่าจะออกมาในเดือนนี้ด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิปี65 และ 66 อยู่ที่ระดับ 5,079 ลบ.(+41.69%YoY) และ 6,024 ลบ.(+18.59%YoY) ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย