นายเอกชัย ลิ้มศิริวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอสที รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทย (SSTRT) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) เพื่อเสนอขายหน่วยทรัสต์สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในที่ดิน อาคารคลังเอกสาร รวมถึงทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องมูลค่ารวมไม่เกิน 190 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนได้แล้วเสร็จภายในปลายปี 65
สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ SSTRT จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ เป็นคลังเอกสารในโครงการคลังเอกสารของ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย (SST) ประกอบด้วย ที่ดิน 4 ไร่ 1 งาน 68.9 ตารางวา และ อาคารคลังเอกสาร จำนวน 4 อาคาร
1. อาคารคลังเอกสารหมายเลข 36 พื้นที่อาคารประมาณ 1,750 ตารางเมตร
2. อาคารคลังเอกสารหมายเลข 37 พื้นที่อาคารประมาณ 1,750 ตารางเมตร
3. อาคารคลังเอกสารหมายเลข 38 พื้นที่อาคารประมาณ 1,750 ตารางเมตร
4. อาคารคลังเอกสารหมายเลข 39 พื้นที่อาคารประมาณ 1,750 ตารางเมตร
คลังเก็บเอกสารทั้ง 4 อาคาร เก็บรักษาเอกสารสำคัญ (Document Storage Services Center) ให้แก่ บริษัท ห้างร้าน และหน่วยราชการต่าง ๆ อาทิ เอกสารทางด้านบัญชี เอกสารทางการเงิน เอกสารด้านนิติกรรม ตลอดจนเอกสารข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนดให้เก็บเอกสารอย่างน้อยประมาณ 5-10 ปี
การเพิ่มทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติม ซึ่งมีการนำนวัตกรรมใหม่ทั้งระบบการจัดเก็บเอกสารอัตโนมัติ AS/RS ที่ทันสมัย มีการจัดเก็บเอกสารในอาคารศูนย์เก็บเอกสารขนาดใหญ่ มีระบบ ระบายอากาศภายในคลังเอกสารที่ดี มีชั้นสำหรับวาง และจัดเก็บเอกสารเป็นชั้นเหล็กสำเร็จรูปแข็งแรงและทนทาน สะดวกต่อการจัดเก็บและดูแล มีระบบการควบคุมการจัดเก็บด้วยระบบคอมพิวเตอร์ มีรหัสบาร์โค้ดที่สามารถค้นหาเอกสารได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและให้บริการ มีบริการนำส่งเอกสารที่ต้องการใช้ตรวจสอบได้รวดเร็ว ตลอดจนมีระบบควบคุมดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงด้วยกล้องวงจรปิด มีระบบการตรวจสอบเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล และป้องกันอัคคีภัย
ภายหลังจากการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้แล้วเสร็จ กองทรัสต์ SSTRT จะมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน คลังเอกสาร งานระบบสาธารณูปโภคและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น เป็น 18 อาคาร จากทรัพย์สิน ณ ปัจจุบัน จำนวน 14 อาคาร ซึ่งจะส่งผลให้มีมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ฯ แตะที่ระดับ 1,700 ล้านบาท และถือเป็นกองทรัสต์ฯ เพียงรายเดียวในประเทศไทยที่เป็นกองทรัสต์ประเภทคลังเอกสาร และเป็นกองทรัสต์ประเภท Freehold 100%
โดยมีการประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วยแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินหลัก เพิ่มเติมครั้งที่ 1 เท่ากับ 0.4183 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.65-30 พ.ย.66 คิดเป็นอัตราจ่ายประโยชน์ตอบแทน (Dividend Yield) 7% เหมาะจะเป็นตัวเลือกด้านการลงทุนในช่วงที่ภาพรวมเศรษฐกิจมีความผันผวนในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี
ในฐานผู้จัดการกองทรัสต์ SSTRT มองแนวโน้มอุตสาหกรรมการให้บริการคลังเอกสาร ว่า การให้บริการคลังเอกสาร และยังคงเป็นบริการสำคัญในการจัดเก็บข้อมูล เพื่อใช้ประกอบการดำเนินธุรกิจในทุก ๆ ภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบค้นและอ้างอิงทางเอกสารหลักฐานเชิงข้อมูลทางธุรกิจ รวมถึงการตรวจสอบเอกสารของหน่วยงานภาครัฐ
แม้ว่าในปัจจุบันบริษัทหลายแห่งเลือกเก็บเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แต่ในประเทศไทยยังคงมีข้อบังคับทางกฎหมาย กำหนดให้บริษัทต่าง ๆ ต้องเก็บข้อมูลเป็นเอกสารไว้ เพื่อตรวจสอบหรืออ้างอิงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยเฉพาะสถาบันทางการเงิน กำหนดให้มีการจัดเก็บเอกสารบางประเภทในรูปแบบต้นฉบับกระดาษ อาทิ เอกสารทางบัญชี เอกสารทางการเงิน เอกสารนิติกรรมต่าง ๆ และเอกสารอื่น ๆ ที่มีความสำคัญทางกฎหมายและภาษีอากร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ กำกับดูแล และสืบค้นตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ภายใต้ระยะเวลาการเก็บรักษาเอกสารอย่างน้อย 5-10 ปี หรือเป็นไปตามนโยบายของแต่ละบริษัทก่อนที่จะถึงช่วงที่กำหนดทำลายเอกสาร ดังนั้นจึงมองว่าจากดีมานด์การใช้บริการจัดเก็บเอกสารยังคงอัตราการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็จะส่งผลเชิงบวกต่อกองทรัสต์ SSTRTอย่างมีนัยสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 65)
Tags: SSTRT, กองทรัสต์, เอกชัย ลิ้มศิริวัฒนา, เอสเอสที รีท แมเนจเมนท์