นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า ได้ตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท แมกซ์ เวนเจอร์ส จำกัด (MAX VENTURES) เพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็น Corporate Venture Capital และเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทสตาร์ทอัพ (Startup) ที่มีศักยภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับคู่ค้าในรูปแบบต่าง ๆ และเป็นแกนกลางสำคัญในการสร้างนวัตกรรม หรือ ธุรกิจ New S-Curve รวมถึงการสร้างความแข็งแกร่งและต่อยอดธุรกิจในเครือข่ายของ PTG เพื่อความอยู่ดีมีสุขของคนไทย
ทั้งนี้ MAX Ventures จะทำหน้าที่ในการสร้างรายได้และจัดหาโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับบริษัทในเครือ PTG ประกอบด้วย 3 วิธีการ ได้แก่
1. Incubation เริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่ ตั้งแต่การสรรหาไอเดียใหม่ ๆ ที่มีโอกาสในการพัฒนาเพื่อริเริ่มทดสอบไอเดียกับกลุ่มลูกค้าตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นสินค้าและบริการจริงนับเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ที่เป็นช่องทางรายได้ใหม่ให้กับบริษัท
2. Investment ลงทุนในธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทรวมไปถึงธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูงและช่วยสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับคนไทย
3. Co-Creation เป็นการร่วมสร้างธุรกิจ หรือสินค้าและบริการร่วมกับพันธมิตร (Partner) โดยเปิดรับองค์กรทุกรูปแบบสำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทและความอยู่ดีมีสุขของคนไทยไปด้วยกัน
โดย MAX Ventures จะเข้าไปร่วมมือในการออกแบบกิจกรรมของมหาวิทยาลัยให้มีการเตรียมความพร้อมธุรกิจหรือผู้ประกอบการภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยให้สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยปัจจุบันมีหน่วยงานในมหาวิทยาลัย จำนวน 5 แห่งที่ร่วม MOU กับ MAX Ventures ประกอบด้วย สถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล, อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, และสำนักเคเอกซ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
สำหรับแนวธุรกิจ MAX Ventures ได้ให้ความสำคัญในการร่วมลงทุนมีด้วยกัน 4 กลุ่มหลัก โดยเกิดจากแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจที่เน้นการเชื่อมโยงและการทำงานร่วมกันทั้งจากภายในองค์กรและภายนอกองค์กรได้แก่ 1.Connection เป็นศูนย์กลางสร้างความเชื่อมโยงธุรกิจที่สามารถ Connect ประชากรคนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ไหนให้ได้เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของ PTG ทำให้สามารถส่งต่อพัฒนาต่อยอดประสบการณ์ที่ดีให้กับคนไทยได้อย่างกว้างขวาง
2.Wellness and Wellbeing สร้างศูนย์กลางใหม่ๆเพื่อเสริมสร้างสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย
3. Developing Opportunities เป็นศูนย์กลางในการสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กได้แก่ธุรกิจ Startup ในรูปแบบแพลตฟอร์มเช่นการท่องเที่ยว การขนส่ง เป็นต้น
4.UnmatchedConveniences (Value Added Experience) ธุรกิจที่สามารถมอบประสบการณ์ที่สะดวกสบายและมีคุณค่ากว่าใครให้ลูกค้ารวมถึงธุรกิจที่สามารถพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตของลูกค้าและส่งเสริมสินค้าหรือบริการใหม่ๆของบริษัทในเครือ PTG ด้วยการสนับสนุนด้านการเงินให้แก่สตาร์ทอัพ และ MAXVentures ยังสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจ เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
ตัวอย่างบริษัทที่ MAX Ventures ร่วมลงทุน (Investment Portfolio) คือ 360 TRUCK แพลตฟอร์มจองรถบรรทุกขนส่งที่เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมการขนส่งซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนทุกธุรกิจในประเทศ และมีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี โดย 360 TRUCK เป็นแพลตฟอร์มจองรถบรรทุกขนส่งที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหา “รถบรรทุกเที่ยวเปล่า” โดยการใช้ระบบจับคู่งานขนส่งอัจฉริยะจะช่วยเพิ่มรายได้แล้วยังช่วยให้ผู้ขนส่งสามารถเข้าถึงงานขนส่งที่น่าเชื่อถือทั่วประเทศได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ซึ่งปัจจุบันแพลตฟอร์ม 360 TRUCK ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้ขนส่งรถบรรทุกรวมถึงเจ้าของสินค้าที่มีการใช้รถขนส่งสินค้าเป็นประจำ และมีรถขนส่งเข้าร่วมรับงานอยู่ในระบบแล้วกว่า 58,000 คัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 65)
Tags: MAX VENTURES, PTG, Startup, พิทักษ์ รัชกิจประการ, พีทีจี เอ็นเนอยี, สตาร์ทอัพ, หุ้นไทย, แมกซ์ เวนเจอร์ส