นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็กโก กรุ๊ป (EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินหน้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในปี 66 เพิ่มอีก 1,000 เมกะวัตต์ (MWe) โดยเน้นประเทศที่บริษัทมีฐานธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งจะยังคงเน้นลงทุนทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน บริษัทเตรียมเข้าประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนของภาครัฐ โดยมีความสนใจที่จะเข้าร่วมแข่งขันไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ในส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์และระบบแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน เป็นต้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังแสวงหาการลงทุนในพลังงานทางเลือกอื่น หรือเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า เนื่องจากมองว่ามีอนาคตที่ดี โดยเฉพาะไฮโดรเจนที่ใช้ผลิตไฟฟ้ารองรับการเปลี่ยนถ่ายพลังงานจากพลังงานรูปแบบเดิม (Conventional) ไปสู่พลังงานสะอาด (Green Energy) และได้พลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีศักยภาพมากกว่าพลังงานแสงอาทิตย์+แบตเตอรี่ โดยรูปแบบการลงทุนดังกล่าว เบื้องต้นจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพในเรื่องของไฮโดรเจน อย่าง ซาอุดีอาระเบีย
พร้อมกันนี้จะบริหารสินทรัพย์และโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและปลดปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุด ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและนำมาใช้กับโรงไฟฟ้า เช่น เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage – CCS) และการศึกษาเพื่อนำแอมโมเนียมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผสมเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอน เป็นต้น
“เรายังคงแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า รวมถึงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่ดี และการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 66” นายเทพรัตน์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทขยายกำลังการผลิตติดตั้งไปแล้ว 543 เมกะวัตต์ จากเป้าหมาย 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนปี 66-67 ก็ยังคงเป้าขยายอีก 1,000 เมกะวัตต์/ปี โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอยู่ใน Pipeline แล้วจำนวน 215 เมกะวัตต์ และ 590 เมกะวัตต์ ตามลำดับ
ขณะที่แผนงานในปี 66 บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาส 1/66 จะดำเนินงานโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (TPN) ได้เต็มรูปแบบ, ทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานลม Yunlin รวมถึงการลงทุนในโครงการ Apex Clean Energy (APEX) (EGCO ถือหุ้นอยู่ 17.46%) ก็จะช่วยหนุนรายได้และกำลังการผลิตติดตั้งพลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯ ให้เพิ่มขึ้น
ณ เดือน ก.ย.65 APEX มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวมทั้งสิ้น 50,152 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถทยอยCOD ในไตรมาส 4/65 จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 524 เมกะวัตต์, ในปี 66 จะ COD รวม 6 โครงการ กำลังการผลิตรวม 958 เมกะวัตต์ และในปี 67 จะ COD จำนวน 14 โครงการ กำลังการผลิตรวม 2,578 เมกะวัตต์
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการปีนี้ คาดว่าจะเติบโตดีกว่าปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายทำให้หลายประเทศมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น แม้ต้นทุนราคาเชื้อเพลิงจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแต่เนื่องจากบริษัทมีสัญญาขายไฟที่สามารถส่งผ่าน (pass through) ไปยังผู้ใช้ไฟฟ้าได้ ประกอบกับโรงไฟฟ้าของบริษัทยังสามารถเดินเครื่องได้ดี รวมถึงมีการรับรู้รายได้มากขึ้นจากธุรกิจเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสปป.ลาวที่เพิ่งเปิดดำเนินการ
สำหรับงบลงทุนในปีนี้วางไว้ที่ 30,000 ล้านบาท ใช้ไปแล้วราว 10,829 ล้านบาท ซึ่งบริษัทพยายามจะใช้ให้ครบตามวงเงินที่วางไว้ ขณะที่ในปี 66 ก็จะวางงบลงทุน 30,000 ล้านบาทเช่นกัน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้า 34 แห่ง กำลังผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,377 เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานก๊าซธรรมชาติประมาณ 3,597 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 57% ของกำลังการผลิตทั้งหมด,พลังงานหมุนเวียน 1,424 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 24% และพลังงานจากถ่านหิน 1,356 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 21% รวมถึงมีการลงทุนใน 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ,อินโดนีเซีย,ออสเตรเลีย,สปป.ลาว,ไต้หวัน,เกาหลีใต้,ฟิลิปปินส์ และไทย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 65)
Tags: EGCO, หุ้นไทย, เทพรัตน์ เทพพิทักษ์, เอ็กโก กรุ๊ป