นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สังคมโลกมีการนำกัญชามาใช้รักษาอาการเจ็บป่วย ทำให้เกิดการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวาง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลอนุญาตให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์และวิจัยในปี 2562 โดยกำหนดในแผนบริการสุขภาพ (Service plan) สาขากัญชาทางการแพทย์ และเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขในการส่งเสริมให้นำกัญชามาใช้ในผู้ป่วยอย่างปลอดภัย และเข้าถึงยากัญชาอย่างมีคุณภาพ โดยดำเนินการครอบคลุมหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุขกว่า 90%
ในปีงบประมาณ 2565 ผู้ป่วยเข้าถึงยากัญชามากขึ้นถึง 159.64% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2564 และเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยประคับประคองกว่า 8,000 คน ส่วนการวิจัยมีกว่า 60 เรื่อง ครอบคลุมทั้งการปลูกการผลิต การใช้ และการวางระบบเพื่อคุ้มครองความปลอดภัย ส่งผลให้ปัจจุบันมียากัญชาถึง 10 รายการ ถูกคัดเลือกเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ
สำหรับปี 2566 จะมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย ซึ่งกรมการแพทย์ได้จัดทำคำแนะนำในการใช้กัญชาทางการแพทย์เป็น 3 กลุ่ม คือ ได้ประโยชน์ น่าจะได้ประโยชน์ และอาจจะได้ประโยชน์ นอกจากนี้ จะขยายการเข้าถึงกัญชาทางการแพทย์ไปยังกลุ่มโรคอื่นๆ ให้ครอบคลุม ส่วนศึกษาวิจัยจะเน้นตอบโจทย์การสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนของกัญชาทางการแพทย์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชน ซึ่งหากทำได้สำเร็จ จะมียาที่ปลูกและผลิตได้ในประเทศ และเป็นหลักฐานสนับสนุนการคัดเลือกเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ในบัญชีหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยและประเทศ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
ด้านนพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในปี 2566 กรมการแพทย์ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาศึกษา ค้นคว้าและวิจัยองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ที่สอดคล้องกับภารกิจศูนย์ความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยมุ่งเน้นเรื่องประสิทธิผลและความปลอดภัย ซึ่งผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ได้ประโยชน์ในการรักษาโรค เนื่องจากมีหลักฐานทางวิชาการที่มีคุณภาพสนับสนุนชัดเจน ได้แก่ ภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากเคมีบำบัด โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วย AIDS ที่มีน้ำหนักตัวน้อย และการเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง
ปัจจุบันมีงานวิจัยที่ เกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ในหลายเรื่อง ได้แก่ กัญชาทางการแพทย์กับการรักษาโรคลมชักในเด็กโรคพากินสัน โดยสถาบันประสาทวิทยา และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี, กัญชาทางการแพทย์กับการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง และการวิจัยในหนูทดลอง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ, การวิจัยการนำสารสกัดจากกัญชา CBD ชนิดหยอดใต้ลิ้น เพื่อลดอาการถอนเมทแอมเฟตามีน ลดการกลับไปเสพซ้ำ และการวิจัยนำสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ CBD ชนิดหยอดใต้ลิ้นมาใช้ร่วมกับยาต้านอาการทางจิต เพื่อช่วยลดอาการทางจิต และลดพฤติกรรมเสี่ยงก่อความรุนแรง โดยสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.)
วิจัยการใช้กัญชาทางการแพทย์รักษาโรคผิวหนัง และเวชสำอาง รวมถึงความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยสถาบันโรคผิวหนัง ซึ่งได้ความร่วมมือของภาคเอกชนการนำกัญชาทางการแพทย์รักษา โรคผิวหนังและเวชสำอางกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้เปิด”ศูนย์ห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์กัญชา” ซึ่งผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานห้องปฏิบัติการพิษวิทยา โดยสภาเทคนิคการแพทย์ และเข้าร่วมทดสอบระหว่างห้องปฏิบัติการ (Inter-laboratory Comparison) สำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปัจจุบันมีเครื่องตรวจวิเคราะห์คุณภาพผลิตภัณฑ์กัญชา สามารถตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญในน้ำมันกัญชา 11 ชนิด และสามารถตรวจวิเคราะห์หาสาร Terpenes ในน้ำมันกัญชา 28 ชนิด ทั้งหมดนี้ เพื่อให้กัญชาทางการแพทย์ได้เป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 65)
Tags: กรมการแพทย์, กระทรวงสาธารณสุข, กัญชา, การแพทย์, ธงชัย กีรติหัตถยากร, เวชสำอาง, โอภาส การย์กวินพงศ์