บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าจากข่าวเทศบาลกรุงปักกิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน สั่งล็อกดาวน์เขตต่าง ๆ หลายแห่ง หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกรุงปักกิ่งย่ำแย่ลง โดยปักกิ่งรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 951 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดของปักกิ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2564 นอกเหนือจากเขตต่าง ๆ ในกรุงปักกิ่งแล้ว จีนยังได้สั่งล็อกดาวน์เมืองสือจยาจวง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเหอเป่ย โดยสั่งให้ระงับการเรียนการสอนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 5 วัน รวมทั้งล็อกดาวน์เขตไป๋อวิ๋นในมณฑลกว่างโจวเป็นเวลา 5 วันเช่นกัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21-25 พ.ย.
บล.ดาโอ มีมุมมองเชิงลบ ทำให้ทางการจีนยังคงนโยบาย Zero Covid ต่อไป ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Supply Chain ของภาคการผลิตของจีน และอาจจะกระทบต่อคำสั่งซื้อในอนาคตของในกลุ่ม Electronics โดยเราคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Electronics ไว้ที่ “เท่ากับตลาด” โดยหุ้นที่จะได้รับผลกระทบคือ HANA (ถือ/เป้า 47.00 บาท) และ KCE (ถือ/เป้า 58.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าในจีนที่ 20% และ 11% ของยอดขาย ตามลำดับ
รวมทั้งกระทบต่อการนำเข้าสินค้า IT ของผู้ประกอบการค้าปลีก/ส่งสินค้า IT ที่ทำให้สินค้ารอการขายลดลง และกระทบต่อยอดขายที่อาจจะชะลอมากกว่าคาด โดยเราคงน้ำหนักกลุ่ม IT seller ที่ “ต่ำกว่าตลาด” โดยจะกระทบต่อหุ้นกลุ่มผู้ค้าส่งจากการนำเข้าสินค้าจากจีนที่สูงมากกว่า ได้แก่ SIS (ถือ/เป้า 28.00 บาท) และ SYNEX (ถือ/เป้า 17.00 บาท)
เรามองเป็นลบต่อกลุ่ม Logistics ที่จะทำให้การขนส่งสินค้าในจีนฟื้นตัวช้า และต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องใช้เส้นทางอ้อมมากขึ้น โดย WICE (ถือ/เป้า 12.00 บาท) มีสัดส่วนรายได้ในจีนราว 20%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 65)
Tags: HANA, KCE, SIS, SYNEX, WICE, จีน, บล.ดาโอ, ปักกิ่ง, ล็อกดาวน์, สินค้าไอที, หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, หุ้นไทย, โลจิสติกส์