นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยผลการหารือทวิภาคีกับนางแคเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ในการประชุมเอเปค 2022 ว่า ได้มีการหารือใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. การที่สหรัฐฯ ได้แสดงความชื่นชมไทยในการเป็นการเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค 2022 ได้อย่างดีเยี่ยม และในปี 66 สหรัฐฯ จะเป็นประเทศรับไม้ต่อการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค 2023 ซึ่งมั่นใจว่าสหรัฐฯ จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพที่ดีเยี่ยมในการจัดประชุมเอเปคครั้งต่อไป เช่นเดียวกับประเทศไทย
2. การหารือร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และไทย เกี่ยวกับกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิกฟิค (IPEF) ใน 4 เสาหลัก ได้แก่ 1.การค้า 2.ห่วงโซ่อุปทาน 3.พลังงานสะอาด และ 4.ปราศจากทุจริต เพื่อสร้างเศรษฐกิจเป็นธรรมให้เกิดขึ้น โดยที่ประเทศไทยได้แสดงความจำนงเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือมาก่อนหน้านี้ และได้เดินหน้าตามกรอบความร่วมมือดังกล่าวที่สอดคล้องไปกับรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะเสาด้านการค้า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบหลัก และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแรงงานและสิ่งแวดล้อม ที่จะต้องมีการคำนึงถึง
นอกจากนี้ ยังมีการร่วมกันผลักดันในด้าน Digital trade เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเสริมศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าร่วมกัน
3. ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในการค้าและการลงทุน ซึ่งจะมีการทำข้อตกลงต่างๆ ในการหารือครั้งต่อไป หลังจากที่ไม่ได้มีการหารือร่วมกันในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นสำคัญที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือจากสหรัฐฯ คือ ในเดือนเม.ย.66 ที่สหรัฐฯ จะพิจารณาเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งขณะนี้สหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชี WL (บัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง : Watch list) เกี่ยวกับประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาของไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 19 ประเทศที่ถูกขึ้น WL ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ดังนั้นไทยจึงได้ขอให้สหรัฐฯพิจารณาปลด WL ด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย หลังจากที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เดินหน้าทำงานตามกฎระเบียบต่างๆ และมีความคืบหน้าไปมากแล้ว
ซึ่งทางผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้รับไปพิจารณา และคาดว่าจะสามารถปลดไทยออกจากบัญชี WL ด้านทรัพย์สินทางปัญญาได้ในช่วงเดือนเม.ย. 66 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อสถานะของไทยด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ที่สามารถผลักดันการค้า และเศรษฐกิจในอนาคตได้มากขึ้น
“ขณะนี้ประเทศที่ยังถูกขึ้นบัญชี WL มี 19 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในนั้น หากสหรัฐฯ พิจารณาปลดออกจากบัญชีนี้ จะทำให้สถานะประเทศไทยด้านการให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญาดูดีขึ้น และมีภาพลักษณ์ทางการค้า ทางเศรษฐกิจ การลงทุนที่ดีขึ้นสำหรับหลายประเทศในโลกในอนาคตต่อไป” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า มูลค่าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากปีก่อนค่อนข้างมาก โดยการค้าของไทยและสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) เติบโต 21.5% โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ อยู่ที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใกล้เคียงทั้งปี 64 ที่มูลค่าการค้าทั้งปีอยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยที่ไทยยังเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าสหรัฐฯ
สำหรับสินค้าที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ 5 อันดับแรก ได้แก่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์, ผลิตภัณฑ์ยางพารา, โทรศัพท์และอุปกรณ์โทรศัพท์, อัญมณี และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากสหรัฐฯ 5 อันดับแรก ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า, เคมีภัณฑ์, เครื่องจักรกล, เครื่องบินและอุปกรณ์การบิน และน้ำมันดิบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 65)
Tags: APEC, APEC 2022, USTR, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ประชุมเอเปค, ผู้แทนการค้าสหรัฐ, เอเปค, แคเธอรีน ไท่