นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ได้กล่าวกับพนักงานในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ว่า วอทส์แอป (WhatsApp) และเมสเซนเจอร์ (Messenger) ซึ่งเป็นธุรกิจแอปในเครือของเมตานั้น จะเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ในการสร้างยอดขายให้เติบโตขึ้น โดยคำกล่าวของนายมาร์คสะท้อนให้เห็นว่า เขากำลังพยายามลดกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของเมตตา หลังจากการประกาศปลดพนักงานจำนวนมากเป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทั้งวอทส์แอปและเมสเซนเจอร์สร้างรายได้เร็วมากเมื่อเทียบกับเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมที่ทำรายได้จากการโฆษณา
“เรากำลังพูดถึงโอกาสต่าง ๆ ในระยะยาว เช่น เมตาเวิร์ส แต่ในความเป็นจริงแล้ว ธุรกิจการส่งข้อความอาจจะกลายเป็นเสาหลักในอนาคตข้างหน้าของธุรกิจเรา ในขณะที่เรากำลังผลักดันเพื่อสร้างรายได้มากขึ้นจากวอทส์แอปและเมสเซนเจอร์” นายซัคเคอร์เบิร์กกล่าว
การแสดงความเห็นของนายซัคเคอร์เบิร์กสะท้อนให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมตาได้มุ่งเน้นไปที่การขยายการลงทุนในธุรกิจฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เสมือนจริง นับตั้งแต่ที่ได้ประกาศความพยายามที่จะสร้างธุรกิจเมตาเวิร์สในปีที่แล้ว
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา เมตาประกาศปลดพนักงานมากกว่า 11,000 คน หรือคิดเป็น 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดมากกว่า 87,000 คน ซึ่งถือเป็นการปรับลดตำแหน่งงานลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 18 ปีของเมตา ขณะที่บริษัทเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่พุ่งขึ้น แต่มีรายได้จากการโฆษณาลดลง
การประกาศปลดพนักงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เมตาเปิดเผยกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 เนื่องจากธุรกิจเมตาเวิร์สขาดทุนอย่างหนักนับตั้งแต่ต้นปีนี้
ทั้งนี้ เมตาเปิดเผยว่า Reality Labs ซึ่งดูแลธุรกิจเมตาเวิร์สประสบภาวะขาดทุน 3.67 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 และหากพิจารณาตั้งแต่ต้นปีนี้ Reality Labs ประสบภาวะขาดทุนมากถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 65)
Tags: Messenger, whatsapp, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก, วอทส์แอป, เมตา แพลตฟอร์มส์, เมสเซนเจอร์