นางพิกุล ศรีมหันต์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ ในกลุ่มบมจ.เอซีบี เอ๊กซ์ (SCB) กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งผู้นำเข้าและผู้ส่งออกให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเดินหน้าได้ไม่สะดุด โดยมีเครื่องมือทางการเงินหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของผู้ประกอบการ เช่น วงเงินสินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศ สนับสนุนวงเงินสูงสุด 100% ของความจำเป็นในธุรกิจ โดยให้วงเงินแบบที่ไม่ใช้หลักประกัน สูงสุด 50 ล้านบาท วงเงิน Forward Contract ให้วงเงินสูงสุดไม่เกินวงเงินสินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศ และมีบริการโอนเงินต่างประเทศผ่านระบบ SCB Business Anywhere ครอบคลุม 18 สกุลเงินหลัก อัตราค่าธรรมเนียมพิเศษ เป็นต้น
ในส่วนของการบริหารต้นทุนธุรกิจระหว่างประเทศนั้น อัตราแลกเปลี่ยนเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อต้นทุนธุรกิจ ปัจจุบันมีลูกค้าของกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวนประมาณ 4,700 ราย ที่ดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และต้องทำธุรกรรมการเงินเพื่อซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ตลอด ซึ่งจากสถานการณ์ที่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ รวมถึงค่าเงินบาทมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการควบคุมหรือบริหารต้นทุนธุรกิจซึ่งมีผลโดยตรงกับยอดกำไร-ขาดทุนของการค้าในแต่ละครั้ง
ทั้งนี้ พบว่าผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าของธนาคารอีกประมาณ 60% ที่มีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าและวัตถุดิบกับคู่ค้าต่างประเทศแต่ยังไม่ได้จองอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์นี้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนธุรกิจผันผวนตามอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ การที่ตัวเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องเป็นแกนหลักสำคัญในการบริหารงานต้องมาคอยสังเกตการณ์อัตราแลกเปลี่ยนเพื่อหาอัตราที่เหมาะสม ยังทำให้เจ้าของธุรกิจต้องสูญเสียเวลาและโอกาสในการวางแผนด้านอื่นของธุรกิจไป เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการแสวงหาตลาดใหม่ เป็นต้น
SCB มีความมุ่งหวังที่จะให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถบริหารต้นทุนในการทำธุรกรรมการเงินกับคู่ค้าระหว่างประเทศได้ด้วยการวางแผนการเงินที่ดี รับรู้ต้นทุนได้ตั้งแต่ต้นไม่ต้องรอรับความเสี่ยงว่าอัตราแลกเปลี่ยนจะขึ้นหรือลง โดยมีเครื่องมือช่วยป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน คือ การทำสัญญาซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าไว้ตั้งแต่วันทำสัญญา (Forward) ซึ่งเป็นประโยชน์มากกับธุรกิจที่มีการนำเข้า-ส่งออก แต่มีกำหนดชำระเงินกันในอนาคต (มีกำหนดส่งมอบมากกว่า 2 วันทำการขึ้นไป) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีบริหารหรือควบคุมต้นทุนธุรกิจได้
โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีธุรกรรมการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศ และมีวงเงิน Forward Contract กับธนาคารไทยพาณิชย์อยู่แล้ว สามารถทำสัญญาจองซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนไว้ก่อนล่วงหน้า และมาทำธุรกรรมซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนตามที่ตกลงกันไว้ในวันที่กำหนด ซึ่งมี 2 รูปแบบ ได้แก่
1. สัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแบบกำหนดวันส่งมอบแน่นอน (Outright Forward)
2. สัญญาซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแบบส่งมอบภายในระยะเวลาที่ตกลงไว้ (Pro Rata Forward)
โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถพิจารณาเลือกใช้เครื่องมือเพื่อบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนของธุรกิจได้ตามความเหมาะสม เช่น หากมีกำหนดการซื้อขายแน่นอนแล้ว สามารถทำสัญญา Forward เพื่อป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ได้เลย หรือหากมีแนวโน้มซื้อขายแต่ยังไม่มีกำหนดแน่นอนก็อาจจะทำการบริหารความเสี่ยงค่าเงินไว้ก่อนบางส่วน เช่น อย่างน้อย 50% เพื่อช่วยให้สามารถคาดการณ์รายได้หรือรายจ่ายได้ล่วงหน้า ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้เป็นความเสี่ยงที่สามารถจัดการได้
นอกจากนี้ ธนาคารยังมีบริการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านออนไลน์ หรือ SCB FX Online ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศได้ด้วยตนเองผ่านออนไลน์ (คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ) พร้อมรับอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจเอสเอ็มอีซึ่งจำเป็นต้องมีการบริหารต้นทุนธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้
ทั้งนี้ ธนาคารจะยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่จะกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องนำเข้า-ส่งออกสินค้าและวัตถุดิบไปประเทศต่างๆ เพื่อประเมินผลกระทบและเตรียมเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมเพื่อช่วยผู้ประกอบการให้ดำเนินธุรกิจไปได้อย่างราบรื่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 65)
Tags: SCB, ธนาคารไทยพาณิชย์, พิกุล ศรีมหันต์, เอซีบี เอ๊กซ์