นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได่ให้ความเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 4 โดยใช้วงเงินประมาณ 81,200 ล้านบาท แบ่งวงเงินเป็น 3 ก้อน ก้อนแรก เงินส่วนต่างสำหรับชดเชยราคาให้แก่เกษตรกร วงเงินประมาณ 18,700 ล้านบาท ก้อนที่ 2 มาตรการคู่ขนาน วงเงินประมาณ 7,500 ล้านบาท เพื่อช่วยให้โรงสีและชาวนาเก็บข้าวไว้ในสต็อกก่อน ซึ่งจะช่วยทำให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดปริมาณมาก และก้อนที่ 3 การช่วยเหลือไร่ละ 1 พันบาท วงเงินประมาณ 55,000 ล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว พร้อมมาตรการคู่ขนาน และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 65/66 และอนุมัติกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น 81,265.91 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้จากการจำหน่ายข้าวเปลือกในราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิต และป้องกันความเสี่ยงในการจำหน่ายผลผลิต รวมทั้งมีมาตรการคู่ขนานเพื่อการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำควบคู่กัน ซึ่งรายละเอียดการดำเนินการเช่นเดียวกันกับโครงการฯ ในปีผลิตที่ผ่านมา ประกอบด้วย
1. โครงการประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 65/66 เป้าหมายเกษตรกร 4.68 ล้านครัวเรือน โดยเป็นการจ่ายส่วนต่างระหว่างราคาเกณท์กลางอ้างอิง (ราคาตลาด) และราคาประกันรายได้ (10,000 -15,000 บาทต่อตัน ตามชนิดข้าว) วงเงิน รวม 18,700.13 ล้านบาท
2. มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 65/66 ประกอบด้วย 3 โครงการ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำ รวม 7,482.69 ล้านบาท ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 65/66 วงเงิน 7,107.69 ล้านบาท เป็นการจ่ายสินเชื่อเพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 2.5 ล้านตันข้าวเปลือก รวมทั้งค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวในอัตรา 1,500 บาทต่อตัน
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร เป็นการสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหการณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกเพื่อจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงิน 375 ล้านบาท
(3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการให้เก็บสต็อกในรูปแบบข้าวเปลือกและข้าวสาร เป้าหมายเพื่อดูดซับ 4 ล้านข้าวเปลือก เก็บสต็อกไว้อย่างน้อย 60-180 วัน (2-6 เดือน) นับตั้งแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตร 3% ใช้จ่ายจากงบปกติของกรมการค้าภายในหรือเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
3. โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 65/66 เป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน ซึ่งจะจ่ายเงินตรงให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท วงเงิน 55,083.09 ล้านบาท
ในการจัดสรรวงเงินงบประมาณ เบื้องต้นเป็นไปตามกรอบมาตรา 28 ของ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวมาตรการคู่ขนานและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 65/66 ได้ดำเนินการเช่นเดียวกับการดำเนินการตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 65)
Tags: ข้าว, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ชาวนา, ประกันรายได้, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, ราคาข้าว, เกษตรกร