นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/65 (ก.ค.-ก.ย. 65) บริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยทุกกลุ่ม (JV included) อยู่ที่ 4,434 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการที่อยู่อาศัยร่วมทุน (JV Project) 1,553 ล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการที่อยู่อาศัยทั่วไป (Non-JV Project) 2,881 ล้านบาท ขณะเดียวกัน มีรายได้จากธุรกิจโรงแรมและอื่นๆ อีกรวม 323 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาสดังกล่าว บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 3,833 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 848 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 22%
“การกลับมาเปิดประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก ผู้ซื้อมีความมั่นใจในการโอนกรรมสิทธิ์โครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวและการเดินทางไปมาระหว่างประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้อัตราการเข้าพัก หรือ Occupancy Rate ของโรงแรมในเครือสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้าอย่างมาก” นายพีระพงศ์ กล่าว
โดยที่โครงการที่อยู่อาศัยที่มีส่วนสำคัญต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2/65 ได้แก่ พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor) เมกะโปรเจกต์คอนโดมิเนียม มูลค่าโครงการรวมกว่า 12,000 ล้านบาท ที่ทยอยรับรู้รายได้แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ขณะที่ Occupancy Rate ของโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor) ภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 92% โรงแรมไอบิส (ibis) 3 แห่ง ที่เพิ่งซื้อกิจการเข้ามาในช่วงกลางไตรมาส 2/65 ก็มี Occupancy Rate ขึ้นมาสูงสุดที่ 64%
สำหรับในช่วงไตรมาส 4/65 นอกจากโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะทยอยโอนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องแล้ว จะมีอีก 2 โครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี (Park Origin Ratchatewi) และพาร์ค ออริจิ้น จุฬา-สามย่าน (Park Origin Chula-Samyan) มูลค่าโครงการรวม 7,600 ล้านบาท เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/65 ครั้งแรก ส่งผลให้ในไตรมาสดังกล่าวจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 41,200 ล้านบาท พร้อมทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่องจนถึงปี 68 สะท้อนถึงความมั่นใจของผู้บริโภคในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีต่อเครือออริจิ้นพร็อพเพอร์ตี้
จากสถานการณ์กำลังซื้อที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังเปิดประเทศ และการไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลายอัตราส่วนสินเชื่อต่อราคาที่อยู่อาศัย (LTV) ที่จะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ จะส่งผลให้ผู้บริโภคในบางเซ็กเตอร์เร่งซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยภายในปีนี้ คาดว่าจะมีส่วนสำคัญให้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงปลายปีคึกคัก
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งการดำเนินงานที่สำคัญในช่วงไตรมาส 4/65 ของบริษัท คือการนำบลจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้น โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แล้ว ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ภายในปีนี้ตามแผนงาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 65)
Tags: ORI, พีระพงศ์ จรูญเอก, หุ้นไทย, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้