นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัว Sideway down ตามตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงหลังกังวลทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นแตกต่างกันทำให้ตลาดไม่สามารถจับทิศทางได้ คืนนี้รอติดตามตัวเลข PPI เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจน หากออกมาลดลงก็จะเป็นตัวชี้ให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนธ.ค.นอกจากนี้ตลาดกังวลจีนกลับมามีผู้ติดเชื้อโควิดมากขึ้นทำให้ราคาน้ำมันร่วงแรง 3.5% อย่างไรก็ตามเงินบาทยังแข็งค่า เชื่อว่าเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทย พร้อมให้แนวรับ 1,618, 1,613 จุด แนวต้านที่ 1,630, 1,635 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัว Sideway down ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงหลังคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีความเห็นแตกต่างกัน โดยรองประธานเฟดระบุมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่อีกรายระบุว่าตราบใดที่เงินเฟ้อยังปรับตัวขึ้นก็ต้องขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดไม่สามารถจับทิศทางแนวโน้มดอกเบี้ย ดังนั้นตลาดรอดูดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาญที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยตลาดคาด PPI จะอยู่ที่ 8.3% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 8.5%
หากตัวเลข PPI ลดลงก็จะเป็นตัวชี้ให้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.นี้ 0.50% และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า ทำให้เทขายสินทรัพย์เสี่ยง แต่มองว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้น ประกอบกับรับแรงกดดันจากประเด็นหุ้นบมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ที่ยังต้องติดตาม
นอกจากนี้ตลาดกังวลจีนที่เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเร่งตัวขึ้นมาล่าสุดที่ 1.6 หมื่นรายสูงสุดในรอบ 6 เดือน ทำให้การผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิดอาจจะทำไม่ได้ และจีนต้องกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้งส่งผลให้ราคาน้ำมันร่วงแรง 3.5% อย่างไรก็ตาม เงินบาทยังแข็งค่าสะท้อนนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทยอยู่
พร้อมให้แนวรับ 1,618, 1,613 จุด แนวต้านที่ 1,630, 1,635 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,536.70 จุด ลดลง 211.16 จุด หรือ -0.63%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,957.25 จุด ลดลง 35.68 จุด หรือ -0.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,196.22 จุด ลดลง 127.11 จุด หรือ -1.12%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,940.26 จุด ลดลง 23.21 จุด หรือ -0.08%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,665.80 จุด เพิ่มขึ้น 46.09 จุด หรือ +0.26% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,081.14 จุด ลดลง 2.26 จุด หรือ -0.07%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ย.65.) ที่ระดับ 1,623.38 จุด ลดลง 13.91 จุด, -0.85%
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,387.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 พ.ย.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.(14 พ.ย.) ร่วงลง 3.09 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 85.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ย.) อยู่ที่ 7.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 35.69 แข็งค่าตามภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 35.60-35.85 รอดูตัวเลขศก.สหรัฐ
– ผู้ว่าธปท.ชี้ เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่อง ระดับ 3.3% ปีนี้ และปีหน้าที่ 3.8% ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ความผันผวนในตลาดการเงินยังมีต่อเนื่อง ย้ำยังจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินค่อยเป็นค่อยไปหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย มั่นใจเงินเฟ้อกลับเข้ากรอบปีหน้าที่ 1-3% ‘ไอเอ็มเอฟ’ มองเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มซบเซากว่าคาด
– ปปง. ยกกฎกระทรวงปี 63 สั่งโบรกระงับจ่ายเงินค่าหุ้นกลุ่มรายใหญ่ที่ขายหุ้น MORE หลังต้องสงสัยทั้งฝั่ง ผู้ซื้อ-ขายเป็นกลุ่มเดียวกัน ด้านผู้ถือหุ้นใหญ่โวยถูกเบรกจ่ายค่าหุ้น ขณะ “อภิมุข” เผยชำระค่าซื้อไปแล้ว 100 ล้าน จาก 3 พันล้าน พร้อมแจงไม่รู้เรื่อง โยนคนดูแลพอร์ตเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ฟากตลาดหลักทรัพย์ยอมรับเป็นบทเรียนวงการตลาดทุน
– “กกพ.” เผย 3 ทางเลือกปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดใหม่เดือนม.ค.-เม.ย.66 ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่ประชาชนต้องจ่าย 4.72 บาทต่อหน่วย ขยับขึ้นเป็น 5.37, 5.70 และ 6.03 บาทต่อหน่วย เปิดรับฟังความเห็น 14-27 พ.ย.นี้ ก่อนประกาศใช้จริง ย้ำหากตรึงต่อ “กฟผ.” ส่อแบกรับภาระแตะ 2 แสนล้านบาท
– รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการของขวัญปีใหม่ โดยใช้เงินจากงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 8,700 ล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เพื่อมอบของขวัญปีใหม่ 2566 ไม่น้อยกว่า 2 ล้านคืน/ห้อง (ให้เฉพาะค่าห้องและคูปองใช้จ่าย) วงเงิน 7,200 ล้านบาท และอีก 1,500 ล้านบาทเป็นการของบมาเพื่อกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในปี 2566 แบ่งเป็น ตลาดต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท เพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ 20 ล้านคน และอีก 500 ล้านบาทใช้ส่งเสริมตลาดในประเทศ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 ไม่น้อยกว่า 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 80% ของรายได้ทางการท่องเที่ยวของไทยในปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19
หุ้นเด่นวันนี้
– BEM (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 11.50 บาท ไตรมาส 3 ว่าดีแล้วไตรมาส 4 จะดียิ่งกว่าจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้าไต้ดิน ล่าสุดมีข่าวดีBEM เตรียมประชุมบอร์ดเพื่อเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม 28 พ.ย.นี้
– CPF (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ”ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 30.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ยู่ที่ 5,108 ลบ.(+21.37% QoQ, พลิกมีกำไรจากขาดทุนในช่วงไตรมาส 3/64 ที่ 5,374 ลบ.) รับปัจจัยบวกจากราคาสุกร(109 บาท/กก.+69.71%QoQ, +5.58%YoY) และราคาไก่(47.4 บาท/กก.+8.72%QoQ, +90.36%YoY) ในประเทศอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันรับผลบวกจากราคาสุกรในจีนฟื้นตัว สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปกติในช่วงไตรมาส 4/65 เราคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ดีจากฐานต่ำในไตรมาส 4/64 แต่ทรงตัว QoQ ยังมีแรงหนุน คือ 1.ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง แม้จะการอ่อนตัวลงจากQ3 ลงมาบ้าง 2.ส่วนแบ่งกำไรที่น่าจะฟื้นตัวต่อของ CPALL และ CTI อย่างไรก็ตามแม้เราคาดว่ากำไรปกติจะฟื้นตัว YoY แต่ในแง่ของกำไรสุทธิจะเห็นเป็นการหดตัวYoYได้ จากไตรมาส 4/64 มีกำไรพิเศษจากการแลกเปลี่ยนเงินลงทุนด้วยหุ้น(กรณี Makro-Lotus)
– OSP(กสิกรไทย) ราคาพื้นฐานที่ 27.8 บาท 1.)ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังงวด 9 เดือนปี 65 อยู่ที่ 50.3% OSP เชื่อว่าจะทรงตัวและปรับดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป หลังเปิดตัว M-150 ราคา 10 บาทอีกครั้ง 2.)ราคาหุ้นยังอยู่ในโซนล่างสวนทาง Outlook ธุรกิจคาดเริ่มเห็นพัฒนาการที่ดี คือในเชิง YTD ราคาหุ้นปรับตัวลง 24.0% มากกว่า SET Index ที่ลดลง 1.9%และปัจจุบันหุ้น OSP ซื้อขายอิงตาม PER ปี 2565/66/67 ที่ 39.36 เท่า/30.40 เท่า/25.82 เท่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 65)
Tags: กิติชาญ ศิริสุขอาชา, ตลาดหุ้น, หุ้นไทย