พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เป็นประธานเปิดกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องปี 2565 โดยมีคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม อาทิ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม, พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ตลอดจนผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการตำรวจทั่วประเทศ และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้องรวม 27 หน่วย เข้าร่วมรับฟังด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการเปิดกองอำนวยการร่วมฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และความพร้อมในการปฏิบัติของหน่วยปฏิบัติตามแผนฯ และให้หน่วยที่เกี่ยวข้องได้รายงาน ความพร้อมในการเตรียมการปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมาย โดยในที่ประชุมได้พิจารณาในด้านความพร้อมด้านการจราจรและการบริหารจัดการขบวนรถ ด้านความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข และด้านความพร้อมด้านการต่อต้านการก่อการร้าย รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่ได้รับมอบหมาย และร่วมกันปฏิบัติงาน ตามแผนของกองอำนวยการร่วมฯ รวมทั้งติดตาม กำกับดูแล การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยการประชุมฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยสูงสุด
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า กองอำนวยการร่วมฯ จะมีการประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวันในเวลา 09.00 น. โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความปลอดภัยและการจราจร โดยด้านการบริหารจัดการดูแลการชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีประกาศพื้นที่ห้ามชุมนุม คือ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงแรมที่พักทั้ง 19 แห่ง สถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองของผู้นำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานได้สะดวกตลอดช่วงการประชุม 14-19 พ.ย.65
ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกฝ่าย แม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิกระทำได้ตามกฎหมาย แต่ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ตลอดจนสุขอนามัยของประชาชน หรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และไม่กระทบกระเทือนสิทธิคนอื่น
“ผู้กระทำผิด จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทุกราย และมีโทษหนักถึงจำคุก เราจะยอมให้ใครมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศไม่ได้โดยเด็ดขาด ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามยุทธวิธี เป็นขั้นเป็นตอน ตามระดับภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น”
ผบ.ตร. ระบุ
อย่างไรก็ตาม หากจะมีการยื่นข้อเรียกร้อง หรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดสถานที่สำหรับการยื่นหนังสือไว้แล้ว ที่กระทรวงการต่างประเทศ และสถานกงสุลที่แจ้งวัฒนะ รวมทั้งการขอให้ใช้สิทธิในการชุมนุม ขอให้ไปยื่นขอตามสถานที่ที่ได้จัดไว้ให้ หากมีการชุมก็ต้องมีการแจ้งการชุม
ด้านการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าประจำการณ์ในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ย. โดยมีการระดมกำลังตำรวจทั้งประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 35,000 นาย เพื่อระวังป้องกันตัวผู้นำ ตลอดจนสถานที่พัก ที่ประชุม ที่จัดงานเลี้ยงรับรอง และเส้นทางทุกสาย ที่มีขบวนรถผู้นำผ่าน รวมทั้งระดมชุดปฏิบัติการพิเศษ สายตรวจรถยนต์ จากตำรวจภูธรภาค 1,2 และ 7 เข้ามาช่วยในพื้นที่ กทม. เพื่อช่วยในการเฝ้าระวังเหตุและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ครอบคลุมทุกสถานที่ 29 จุด และพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งจัดกำลังเฝ้าระวังบุคคลเป้าหมายที่อาจมีความเคลื่อนไหว และบุคคลตามหมายจับ ทุกรายอีกด้วย หากมีการละเมิดกฎหมายก็จะดำเนินคดีทันที
ส่วนในด้านการจราจรที่อาจส่งผลกระทบกับประชาชนในช่วงที่มีการประชุม เนื่องจากจะมีการปิดถนนรัชดาภิเษก ช่วงหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (แยกอโศกมนตรี-แยกพระราม 4) และถนนดวงพิทักษ์ รวมถึงสถานี MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 16-19 พ.ย.65 ทั้งนี้ ยังไม่มีความกังวล เนื่องจากในห้วงดังกล่าวรัฐบาลได้ประกาศเป็นวันหยุดราชการ และได้จัดให้มีรถรับส่ง shuttle bus จำนวน 6 คัน คาดว่าเพียงพอสำหรับรับส่งประชาชนที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว
สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกพิธีการคนเข้าเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจท่องเที่ยว ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้เต็มทุกช่องตรวจ ช่องตรวจอัตโนมัติ (Auto Chanel) และจัดชุดช่วยเหลือประชาชน นักท่องเที่ยว แนะนำช่วยเหลือในเรื่องพิธีการคนเข้าเมือง ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับกับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามามากขึ้น
“ขอให้คนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมสังเกตการณ์ หากมีเหตุใดเหตุหนึ่ง ขอให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบ ได้ที่สายด่วน 191 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง”
ผบ.ตร. ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 65)
Tags: APEC, ประชุมเอเปค, ประวิตร วงษ์สุวรรณ, เอเปค